นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สั่งการติดตามและประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อการกำหนดนโยบายที่มีประสิทธิภาพ และกำชับทุกหน่วยงาน เร่งเดินหน้าตามนโยบายทางเศรษฐกิจที่ได้กำหนดไว้ ส่งเสริมความเชื่อมั่นของนักลงทุน ผู้ประกอบการ กระตุ้นทุกกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อพัฒนาประเทศ
นายอนุชา กล่าวว่า การเปรียบเทียบเครื่องชี้เศรษฐกิจที่สำคัญตัวแรก ได้แก่ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP Growth) ซึ่งพบว่า ในไตรมาสที่ 3/65 ไทยมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง อยู่ที่ 4.5%YoY และสูงกว่ากลุ่มประเทศ Big-4 สหรัฐฯ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 1.9%YoY, 2.3%YoY, 1.5%YoY และ 3.9%YoY เรียงตามลำดับ
ขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อของไทยก็ต่ำกว่าสหรัฐฯ ยูโรโซน และค่าเฉลี่ยของ ASEAN-5 (สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย) โดยในปี 64 อยู่ที่ 1.2% ในขณะที่เดือนพ.ย. 65 อยู่ที่ 5.5% และธ.ค. 65 อยู่ที่ 5.9%
ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (%) เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศ Big-4 และค่าเฉลี่ยของ ASEAN-5 ของไทยอยู่ในระดับที่ต่ำ เอื้อต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจ โดยในปี 64 อยู่ที่ 0.50% เดือนพ.ย. 65 อยู่ที่ 1.00% และธ.ค. 65 อยู่ที่ 1.25%
ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI for Manufacturing) ภาคอุตสาหกรรมของไทย อยู่ในระดับที่สูงกว่ากลุ่มประเทศ Big-4 และค่าเฉลี่ย ASEAN-5 และอยู่สูงกว่าระดับ 50 จุด ซึ่งบ่งชี้ถึงภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัว
"นายกฯ เชื่อมั่นว่า เครื่องชี้เศรษฐกิจที่สำคัญเหล่านี้ แสดงให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม ถึงโอกาสและแนวโน้มทางเศรษฐกิจของไทย ที่ยังมีการเติบโต มีแนวโน้มขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมที่จะให้การสนับสนุน รวมทั้งส่งเสริมให้ทุกภาคส่วน ร่วมกันสร้างกลไกการทำงานร่วมกัน เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้เต็มศักยภาพ ยั่งยืน และสมดุล" นายอนุชา กล่าว