นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของธนาคาร ณ สิ้นปี 2565 ว่า ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 286,888 ล้านบาท 234,266 บัญชี เพิ่มขึ้นจากปี 2564 คิดเป็น 16.21% สูงกว่าเป้าหมายสินเชื่อใหม่ปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 226,423 ล้านบาท จำนวน 60,465 ล้านบาท หรือคิดเป็น 26.70%
สินเชื่อที่ปล่อยใหม่ แบ่งเป็นสินเชื่อที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 2.5 ล้านบาท สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางจำนวน 120,415 ราย โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 เทียบกับ ณ สิ้นปี 2564
ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,589,699 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.98% คงความเป็นผู้นำของตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยมีส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยคงค้างในระบบสถาบันการเงินที่ 33.48% (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2565)
มีสินทรัพย์รวม 1,659,445 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.16%
เงินฝากรวม 1,416,497 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.11%
มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 59,814 ล้านบาท คิดเป็น 3.74% ของยอดสินเชื่อรวม ลดลงจากสิ้นปี 2564 อยู่ที่ 4.00% สะท้อนประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ NPL ด้วยการจัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาผ่อนชำระในเชิงรุก อาทิ ให้ผ่อนชำระเงินงวดต่ำ ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้พิเศษ และแบ่งจ่ายเงินงวดผ่อนชำระ ซึ่ง ณ วันที่ 3 มกราคม 2566 มีลูกค้าอยู่ระหว่างการรับความช่วยเหลือตามมาตรการจำนวนรวม 62,175 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 61,728 ล้านบาท
โดยปัจจุบันมีลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขยายระยะเวลาความช่วยเหลือไปถึงเดือนมิถุนายน 2566 จำนวน 22,967 ราย
ธนาคารได้มีการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ 129,018 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL สูงถึง 215.70% เพื่อความมั่นคงและความพร้อมรองรับความเสี่ยงในอนาคตของกลุ่มลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยมีกำไรสุทธิ 14,047 ล้านบาท
และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ที่ระดับแข็งแกร่งที่ 15.18% (ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2565) สูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนด
สำหรับปัจจัยหลักที่ทำให้ ธอส. ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้เกินกว่าเป้าหมายในปี 2565 ได้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคม 2565 เกิดจากภาพรวมเศรษฐกิจไทยและรายได้ของประชาชนที่ฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ของภาครัฐ การเร่งตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของประชาชนโดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งถือเป็นช่วง High Season ของตลาดที่อยู่อาศัยก่อนมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง รวมถึงการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV จะสิ้นสุดในปลายปี 2565 และการประกาศการตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้บ้านของ ธอส. ไว้ถึงสิ้นเดือนมกราคม 2566 แม้ตลอดปี 2565 คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมาแล้ว 0.75% ต่อปี ทำให้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อของ ธอส. ทุกประเภทได้รับความสนใจจากประชาชนที่ต้องการมีบ้าน