นายภูมิจิตต์ พงษ์พันธุ์งาม ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ยสท. ได้อนุมัติการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่ยาสูบและผู้บ่มอิสระ สนับสนุนปัจจัยการผลิต ร้อยละ 50 ของต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น เฉพาะฤดูการผลิต 2565/2566 ในวงเงิน 56.16 ล้านบาท
เนื่องจากชาวไร่ยาสูบและผู้บ่มอิสระได้รับผลกระทบภายหลังการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบแบบใหม่ตาม พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 และโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบ ประกอบกับปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ผิดกฎหมาย การแข่งขันทางการค้าในอุตสาหกรรมบุหรี่ต่างชาติ และจำนวนผู้สูบที่น้อยลงตามนโยบายรัฐและกระแสโลก ทำให้ ยสท. มียอดจำหน่ายที่ลดลง ส่งผลกระทบโดยตรงกับชาวไร่ยาสูบและผู้บ่มอิสระ จากการปรับลดโควตาการรับซื้อใบยา รวมถึงต้นทุนปัจจัยการผลิตที่สูงขึ้น เช่น ค่าปุ๋ย ค่าการขนส่งและน้ำมันเชื้อเพลิง
ประเภทใบยา ปริมาณ สนับสนุนปัจจัยการผลิต เงินช่วยเหลือ (ล้าน กก.) (บาท/กก.) (ล้านบาท) เวอร์ยิเนีย 4.23 6.26 26.48 เบอร์เลย์ 7.14 3.55 25.35 เตอร์กิซ 1.64 2.64 4.33 รวมทั้งสิ้น 56.16
สำหรับวิธีการให้ความช่วยเหลือเหลือเกษตรกรนั้น ยสท. จะจ่ายเงินสนับสนุนปัจจัยการผลิตให้กับชาวไร่บ่มเองและผู้บ่มอิสระ เมื่อชาวไร่และผู้บ่มอิสระนำใบยาเวอร์ยิเนีย ใบยาเบอร์เลย์ ใบยาเตอร์กิซ มาส่งขายให้กับ ยสท. ในแต่ละครั้ง (วิธีการคำนวณเงินช่วยเหลือ คือ ปริมาณใบยาที่ส่งขาย x อัตราการจ่ายเงินสนับสนุนปัจจัยการผลิต) แต่ไม่เกินปริมาณโควตาที่ได้รับการจัดสรร
โดยได้มอบอำนาจให้ผู้จัดการสำนักงานยาสูบส่วนภูมิภาค ได้แก่ สำนักงานยาสูบเชียงใหม่ เชียงราย แพร่ สุโขทัย เพชรบูรณ์ บ้านไผ่ นครพนม และหนองคาย เป็นผู้อนุมัติเบิกจ่ายเงินให้ความช่วยเหลือเกษตรกรโดยการสนับสนุนปัจจัยการผลิต ฤดูกาลผลิต 2565/2566 ตลอดทั้งกระบวนการ ซึ่งจะเริ่มฤดูกาลรับซื้อใบยาในช่วงปลายเดือนมกราคม 2566 นี้
ผู้ว่าการ ยสท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของเงินสนับสนุนอีกร้อยละ 50 ที่ ยสท. ได้ขอจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในวงเงิน 56.16 ล้านบาท นั้น ขณะนี้คณะกรรมการ ยสท. ได้พิจารณาอนุมัติแล้ว และอยู่ระหว่างนำเสนอต่อกระทรวงการคลังเพื่อดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ยสท. พร้อมดูแลและให้ความช่วยเหลือเกษตรกรโดยไม่ทอดทิ้งอย่างแน่นอน เพราะเกษตรกรชาวไร่ยาสูบทั่วประเทศเป็นต้นน้ำของอุตสาหกรรมยาสูบ