ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งเทียบยูโร,ปอนด์ หลังดาวโจนส์ปิดบวก

          ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 เม.ย.) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์เพราะได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกติดต่อกัน 2 วัน นอกจากนี้ นักลงทุนยังไม่ให้ความสนใจต่อยอดขาดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐ 
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงแตะระดับ 1.5750 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันพุธที่   1.5830 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์อ่อนตัวลงแตะระดับ 1.9728 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.9750 ดอลลาร์/ปอนด์ 
          เมื่อเทียบกับฟรังซ์สวิสและเงินเยน ดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.0052 ฟรังซ์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0010 ฟรังซ์/ดอลลาร์ แต่อ่อนตัวลงแตะระดับ 101.61 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 101.77 เยน/ดอลลาร์
          ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 0.9319 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9288 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งขึ้นแตะระดับ 0.7984 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7977 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
          ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนขานรับตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานที่ปรับตัวลดลง และบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่างวอล-มาร์ท รายงานยอดขายที่แข็งแกร่งเกินคาด
          โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงาน ลดลง 53,000 ราย แตะระดับ 357,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 เม.ย.
          ดอลลาร์สหรัฐไม่ได้รับปัจจัยลบจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 5.7% แตะระดับ 6.23 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าอื่นๆ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และขยายตัวมากกว่าการส่งออกเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกัน
          เมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางอังกฤษประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 5% จากเดิมที่ 5.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศที่ได้รับผลพวงจากวิกฤติสินเชื่อทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
          ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.0% ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ที่ว่า เงินเฟ้อที่ระดับสูง และแนวโน้มเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน จะทำให้ธนาคารกลางยุโรปคงอัตราดอกเบี้ยเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน