นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้มีมติเห็นชอบมาตรการทางภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อส่งเสริมการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ผ่านกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT)
มาตรการนี้จะช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) หรือกอง 1 ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้สามารถแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นกอง REIT เป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการและช่วยให้การดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง มาตรการนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธ.ค.67
รายละเอียดประกอบด้วย 2 มาตรการ ดังนี้
1) มาตรการด้านภาษี
1.1) ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์สำหรับเงินได้ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไปเป็นใบทรัสต์ อันเนื่องมาจากการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
1.2) ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ให้แก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ สำหรับมูลค่าของฐานภาษีรายรับ หรือการกระทำตราสารที่เกิดขึ้นหรือเนื่องมาจากการโอนหรือก่อทรัพยสิทธิหรือสิทธิใด ๆ ในทรัพย์สิน อันเนื่องมาจากการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ สำหรับการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
2) มาตรการด้านค่าธรรมเนียม
กำหนดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์และอาคารชุด ประเภทมีทุนทรัพย์อันเนื่องมาจากการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุนร้อยละ 0.01 แต่อย่างสูงไม่เกิน 100,000 บาท ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมที่ดินจะดำเนินการเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนเพื่อให้มีผลใช้บังคับต่อไป
นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงการคลังได้กล่าวว่า มาตรการทางภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อส่งเสริมการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ผ่านกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์จะมีส่วนช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งในตลาดทุนและภาคเศรษฐกิจจริง
ด้านน.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาตรการทางภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อส่งเสริมการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ผ่านกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นี้ จะทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ทางภาษีประมาณ 3,500 ล้านบาท และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสูญเสียรายได้จากค่าธรรมเนียมประมาณ 3,092 ล้านบาท แต่จะเป็นประโยชน์อย่างในการช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ และภาครัฐยังสามารถจัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมต่างๆ หลังจากแปลงสภาพเป็นกองทรัสต์ได้เพิ่มขึ้น โดยจะมีธุรกรรมที่มีการขยายการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม เช่น การโอนอสังหาริมทรัพย์ การจำนองอสังหาริมทรัพย์ และการจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น