ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.81/83 ทรงตัวจากช่วงเช้า หลังกนง.ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday January 25, 2023 17:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.81/83 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาด เมื่อเช้าที่ระดับ 32.80 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.70 - 32.86 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยวันนี้ คือ ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ช่วงบ่ายวันนี้ ซึ่งเป็นไปตามตลาดคาดการณ์ว่า มีการ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ส่งผลให้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.50% ต่อปี และมีผลใช้ทันที ด้านสกุลเงินในภูมิภาคส่วนใหญ่แข็งค่า

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 32.70 - 32.90 บาท/ดอลลาร์

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือ วันศุกร์จะมีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ คือ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อ การบริโภคส่วนบุคคล (PCE)

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 129.87/89 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้านี้ที่ระดับ 130.26 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0880/0884 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้านี้ที่ระดับ 1.0889 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,682.11 จุด ลดลง 0.83 จุด (-0.05%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 57,921 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 676.80 ลบ. (SET+MAI)
  • ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก
1.25% เป็น 1.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันที คณะกรรมการฯ เห็นว่าการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องเป็นแนวทางการ
ดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
  • กนง. ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องย้ำทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังจากมีมติล่าสุดขึ้นมา 0.25% ตามตลาด
คาด แต่จับตาทิศทางอัตราเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด หลังจากเห็นสัญญาณการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการที่ได้แบกรับภาระเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่
ผ่านมาแต่ยังปรับขึ้นราคาหรือค่าบริการไม่ได้ ส่งผลให้มีต้นทุนที่ค้างคาอยู่จำนวนมาก ประกอบกับสถานการณ์รอบด้านที่ดีขึ้น โดยเฉพาะภาค
การท่องเที่ยวที่คาดหวังนักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว น่าจะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย จะเป็นแรง
กดดันเงินเฟ้อในระยะต่อไป
  • Krungthai COMPASS ประเมินมูลค่าการส่งออกของไทยในปี 2566 มีแนวโน้มเติบโตได้ 0.7% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก
การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคของจีน ซึ่งหลังจากทางการจีนผ่อนคลายมาตรการ Zero COVID ในเดือนม.ค. 66 ได้ส่งผลให้แนว
โน้มการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศของจีนจะทยอยฟื้นตัว และภาคการผลิตของจีนที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จะช่วยให้แนวโน้มปัญหา
supply chain disruption คลี่คลายมากขึ้น ซึ่งคาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศจีน
  • ด้านศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCBEIC) คาดว่า การส่งออกของไทยในปี 2566 จะขยายตัวได้
1.2% ลดลงจากประมาณการเดิมก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีปัจจัยกดดันจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และการจัดเก็บภาษีการนำเข้ารูปแบบใหม่
ของประเทศคู่ค้าสำคัญ แม้ในระยะต่อไป การส่งออกสินค้าของไทยจะได้รับอานิสงส์จากการยกเลิกมาตรการ ZERO-COVID ในจีนอยู่บ้างก็
ตาม
  • รัฐบาลญี่ปุ่นปรับลดประมาณการเศรษฐกิจรายเดือนลงเป็นครั้งแรกในรอบ 11 เดือนในเดือนนี้ เนื่องจากการค้าทรุดตัวลง
จากผลพวงของภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
  • นายคริส ฮิปกินส์ ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ในวันนี้ (25 ม.ค.) หลังจากที่นางจาซินดา อาร์เดิร์น
ได้ลาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ