นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 27-29 ม.ค.66 จะมีการจัดงาน "มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน" ครั้งที่ 5 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จังหวัดสงขลา ตั้งแต่เวลา 10.00 - 18.00 น. โดยงานมหกรรมครั้งนี้ เป็นการจัดมหกรรมสัญจรครั้งสุดท้าย หลังจากการจัดงานทั้ง 4 ครั้งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และหน่วยงานพันธมิตร ได้ร่วมกันจัด "มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน" เพื่อให้การให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน และผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาหนี้สิน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายที่ต้องการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนอย่างจริงจัง โดยการจัดงาน "มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน" สัญจร ได้จัดมาแล้ว 4 ครั้ง ครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ และทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
นายพรชัย กล่าวว่า การจัดมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ สัญจร ครั้งที่ 5 จะจัดขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ระหว่างวันที่ 27-29 ม.ค. 66 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จังหวัดสงขลา โดยกระทรวงการคลัง ยังคงบูรณาการการแก้ไขปัญหาหนี้สินร่วมกับสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ สมาคมธนาคารไทย และกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้การจัดมหกรรมสามารถให้ความช่วยเหลือได้ครอบคลุมทั้งลูกหนี้ของสถาบันการเงินของรัฐ ธนาคารพาณิชย์ และลูกหนี้ที่เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ทั้งนี้ ภายในงาน จะยังคงประกอบด้วยกิจกรรม 3 กิจกรรมหลักเช่นเดิม ได้แก่ (1) การแก้ไขปัญหาหนี้สินที่มีอยู่เดิม โดยการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลง (2) การสร้างรายได้ผ่านการสร้างอาชีพและเติมทุนหมุนเวียนเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม (3) การสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ประชาชนด้วยการส่งเสริมทักษะในการประกอบอาชีพ และการเสริมสร้างความรู้ทางการเงิน
นอกจากนี้ สำหรับประชาชนในจังหวัดอื่น ๆ ที่ไม่สามารถเดินทางไปร่วมงานได้ สามารถลงทะเบียนปรับปรุงโครงสร้างหนี้ออนไลน์ผ่านระบบของธนาคารแห่งประเทศไทย จนถึงวันที่ 31 ม.ค.66 ได้ทางเว็บไซต์ https://www.bot.or.th/DebtFair
"ขอเชิญชวนลูกหนี้ที่ประสบปัญหาหนี้สิน ให้เข้าร่วมงานเพื่อขอรับการช่วยเหลือ ซึ่งเป็นการจัดมหกรรมครั้งสุดท้าย หรือเร่งลงทะเบียนปรับปรุงโครงสร้างหนี้ออนไลน์ผ่านระบบของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งใกล้จะสิ้นสุดแล้ว โดยกระทรวงการคลัง และหน่วยงานพันธมิตรทั้งหมด มีความตั้งใจจริงที่จะร่วมกันช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับประชาชนให้สำเร็จได้ในที่สุด" โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าว