นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีต รมช.แรงงาน โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า แม้เศรษฐกิจมีสัญญาณบวกสะท้อนการฟื้นตัวจากการท่องเที่ยว แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ ภาคการส่งออกที่ยังหดตัวซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ยังชะลอตัว ทำให้ตลอดปี 2565 ไทยขาดดุลการค้าส่วนใหญ่จากการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง
อย่างไรก็ตาม ค่าครองชีพที่ขึ้นอยู่กับราคาพลังงานเป็นหลักยังคงสูงขึ้น ซึ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือมาตรการอุดหนุนใดคงไม่ตอบโจทย์ เพราะเงินยังออกจากกระเป๋าผู้มีรายได้น้อยมากกว่าเงินเข้า จึงต้องกล้าแก้ปัญหาที่ฐานราก คือ โครงสร้างราคาพลังงาน โดยโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงควรสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและเป็นธรรม เช่น ราคาก๊าซสำหรับภาคครัวเรือน ควรเป็นราคาต้นทุนการผลิตที่แท้จริง และต่ำกว่าราคาตลาดโลก เพราะปัจจุบันประเทศไทยมีการจัดหาก๊าซปิโตรเลียมเหลวหรือ LPG จาก 3 แหล่ง ได้แก่ โรงแยกก๊าซ 54%โรงกลั่นน้ำมัน 37%และการนำเข้า 9% ซึ่ง LPG ที่จัดหาได้จากโรงแยกก๊าซ เป็นสัดส่วนที่จัดหาได้มากที่สุดและเพียงพอในการนำมาจัดสรรให้กับภาคครัวเรือนทั้งหมด ตามข้อกำหนดที่ให้จัดสรรก๊าซส่วนนี้ให้กับภาคครัวเรือนเป็นลำดับแรกก่อนนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์
ดังนั้น ราคาหน้าโรงแยกก๊าซ ควรเป็นราคาต้นทุนเนื้อก๊าซจากอ่าวไทยบวกค่าดำเนินการและผลกำไรที่คาดว่าจะได้รับ ซึ่งจะส่งผลให้โครงสร้างราคาต้นทุนลดต่ำลง
นอกจากนี้ ควรมีการปรับราคาจำหน่ายก๊าซในถังบรรจุขนาดเล็ก เช่น ถัง 4 กิโลกรัม และ 7 กิโลกรัมให้มีราคาเฉลี่ยให้มีราคาเฉลี่ยใกล้เคียงหรือเท่ากับราคาเฉลี่ยในถังขนาดบรรจุ 15 กิโลกรัม ตามประกาศของกรมการค้าภายในเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย