นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า จากระบบการทำธุรกิจค้าขายที่ปรับเปลี่ยนจากการขายสินค้าหน้าร้าน ไปสู่การขายสินค้าออนไลน์ และไลฟ์สดมากขึ้นนั้น ทำให้ระบบการจัดเก็บภาษีก็ต้องเปลี่ยนแปลงให้ทันตามไปด้วย โดยกรมสรรพากร ได้ตั้งกองสำรวจและติดตามธุรกิจนอกระบบ เพื่อทำหน้าที่ในการตรวจสอบคนหรือธุรกิจที่อยู่นอกระบบภาษี ให้เข้ามาอยู่ในระบบภาษีอย่างถูก โดยในปีงบประมาณ 2565 มีผู้ประกอบการในส่วนนี้เข้ามาสู่ระบบภาษีมากถึง 2 แสนราย
"กลุ่มธุรกิจนอกระบบที่เป็นเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มที่มีรายได้ค่อนข้างสูง ซึ่งปัจจุบันก็คือแม่ค้าออนไลน์ การไลฟ์สดขายของ อินฟลูเอ็นเซอร์ ยูทูปเบอร์ต่าง ๆ ซึ่งในส่วนนี้ ถือเป็นหนึ่งกำลังสำคัญที่ช่วยทำให้รายได้ภาษีขยายตัวตามที่ควรจะเป็น" อธิบดีกรมสรรพากร ระบุ
นายลวรณ กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2566 กรมสรรพากร มีเป้าหมายจัดเก็บรายได้ 2.2 ล้านล้านบาท ซึ่งภาพรวมการจัดเก็บรายได้ในช่วง 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 (ต.ค.65-ม.ค.66) สามารถจัดเก็บได้เกินกว่าเป้าหมายถึง 6 หมื่นล้านบาท สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และอานิสงส์จากจีนเปิดประเทศ ซึ่งส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวและบริการของไทยเป็นอย่างมาก จึงมั่นในว่าการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2566 นี้ จะเป็นไปตามเป้าหมายอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ พบว่ารายได้จากภาษีที่มีการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน มาจาก 2 ประเภท คือ 1. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ และ 2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล จากเศรษฐกิจกิจที่ฟื้นตัวขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อภาคธุรกิจให้สามารถกลับมามีกำไรและเสียภาษีได้มากขึ้น
"กรมสรรพากร ขอเชิญชวนให้ผู้ที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องจดทะเบียนภาษี VAT ให้เข้ามาจดทะเบียนให้ถูกต้อง โดยยืนยันว่าเรื่องภาษีไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว กรมฯ พร้อมที่จะประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเสียภาษีตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ระบบ ไปจนถึงกระบวนการเสียภาษีอย่างถูกต้อง ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการปรับปรุงกระบวนการต่าง ๆ ให้สามารถทำได้สะดวก และรวดเร็วมากขึ้น ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์" นายลวรณ กล่าว