น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนมตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ซึ่งเป็นขั้นตอนต่อเนื่องจากมติ ครม.เมื่อวันที่ 29 ม.ค.62 ได้อนุมัติให้กรมการขนส่งทางบกดำเนินโครงการฯ
โดยให้เอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP net Cost ซึ่งกรมการขนส่งทางบกได้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ด้วยการตั้งคณะกรรมการคัดเลือกฯ และประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนไป 2 รอบในวันที่ 28 มิ.ย.และ 6 ส.ค.64 เมื่อสิ้นสุดระยะเวลามีผู้ยื่นเสนอร่วมลงทุน 1 ราย ได้แก่ บริษัท สินธนโชติ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ผ่านเกณฑ์การประเมินทั้งในด้านคุณสมบัติ (ซองที่ 1) ข้อเสนอด้านเทคนิค (ซองที่ 2) และข้อเสนอด้านราคา (ซองที่ 3)
บริษัทฯ เสนอผลประโยชน์รูปแบบค่าสัมปทานแก่กรมการขนส่งทางบก ประกอบด้วย ค่าตอบแทนคงที่รายปีตลอดอายุสัมปทานจำนวน 30 งวด เป็นเงินรวม 298.36 ล้านบาท สูงกว่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำที่ ครม.ได้เห็นชอบในหลักการไว้ที่ 291.16 ล้านบาท และส่วนแบ่งรายได้กรณีที่ผู้ร่วมลงทุนมีผลประกอบการที่ได้กำไรที่ 10% ของกำไรสุทธิปีนั้นๆ เท่ากับขั้นต่ำที่ ครม.อนุมัติให้หลักการไว้ ซึ่งคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้พิจารณาแล้วว่าบริษัทฯ ได้เสนอผลตอบแทนสูงกว่าผลประโยชน์ตอบแทนที่ ครม.ได้ให้หลักการไว้จึงได้เห็นชอบให้บริษัท สินธนโชติ จำกัด เป็นผู้ผ่านการประเมินสูงสุด
ภายใต้การร่วมลงทุนแบบ PPP Net Cost นั้น ภาครัฐจะเป็นผู้ลงทุนค่าที่ดิน ค่าก่อสร้างพื้นฐานส่วนกลาง และอาคารที่ภาครัฐใช้ประโยชน์ ค่าควบคุมงานก่อสร้างและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานรายปีในส่วนที่ภาครัฐใช้ประโยชน์ ส่วนเอกชนจะลงทุนค่าก่อสร้างในองค์ประกอบอาคารที่ก่อให้เกิดรายได้และเครื่องมือและอุปกรณ์และเอกชนรับผิดชอบในส่วนของการดำเนินงานและบำรุงรักษาโครงการ (Operation and Maintenance :O&M) ในส่วนอาคารและพื้นที่ใช้สอยในความรับผิดชอบของเอกชนและโครงสร้างพื้นฐานส่วนกลางตามกรอบระยะเวลา รวมทั้งเป็นผู้รับความเสี่ยงด้านรายได้และจ่ายค่าสัมปทานให้ภาครัฐตลอดระยะเวลา 30 ปี นับจากปีที่เปิดให้บริการ
โครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนมตั้งอยู่ที่ ต.อาจสามารถ อ.เมืองนครพนม บริเวณทิศใต้ของด่านพรมแดนนครพนมและด่านศุลกากรนครพนม มีเส้นทางเข้า-ออกหลักบริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 295 ซึ่งเป็นทางเข้าสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) มีขนาดพื้นที่โครงการ 121 ไร่ 3 งาน 67 ตารางวา ซึ่งทางทิศใต้ของโครงการได้รับการออกแบบให้เชื่อมต่อและประชิดกับแนวการพัฒนาโครงการถไฟทางคู่สายบ้านไผ่-นครพนมของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อรองรับการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งระหว่างทางถนนและทางรางด้วย
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า โครงการฯ จะรองรับการขนส่งสินค้านำเข้า-ส่งออกจากทางตอนใต้ของจีนและตอนเหนือของเวียดนามกับภูมิภาคต่างๆ ของไทย เป็นศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าตู้คอนเทนเนอร์หรือสินค้าบรรจุหีบห่อ (Break Bulk Cargo) และเป็นศูนย์ให้บรการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ทำให้สามารถดำเนินการพิธีการที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและส่งออกได้ ณ จุดเดียว
สำหรับการดำเนินการงานจะแบ่งเป็น 2 ระยะ ระยะที่ 1 เป็นการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง 6 รายการ ได้แก่ อาคารรวบรวมและกระจายสินค้าหลังที่ 1, อาคารคลังสินค้าทั่วไป, อาคารซ่อมบำรุง, โรงอาหารบริการทั่วไป, สถานีชั่งน้ำหนัก และห้องควบคุมไฟฟ้า รวมถึงการจัดหาและติดตั้งเครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินงานภายในพื้นที่โครงการ ส่วนระยะที่ 2 ก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง 1 รายการ คืออาคารรวบรวมและกระจายสินค้าหลังที่ 2 รวมทั้งการจัดหาและติดตั้งเครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินงานภายในพื้นที่โครงการ โดยจะเริ่มดำเนินการเมื่อมีสินค้าเข้ามารวบรวมในอาคารหลังที่ 1 เฉลี่ยทั้งปีมากกว่า 80% ของขีดความสามารถ หรือเมื่อครบกำหนดระยะเวลา 18 ปี นับจากเปิดให้บริการ
"โครงการฯ จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษนครพนม ลดต้นทุนการขนส่งและโลจิสติกส์ให้ผู้ประกอบการขนส่งของไทย เกิดการจ้างงานภายในศูนย์การขนส่งชายแดนและลดความสูญเสียเนื่องจากอุบัติเหตุจากการขับรถบรรทุกเข้าไปใน สปป.ลาว เนื่องจากรถบรรทุกสามารถเปลี่ยนหัวลากหางพ่วงตู้คอนเทนเนอร์ภายในศูนย์การขนส่งชายแดนได้ นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างประเทศและส่งเสริมบทบาทให้ จ.นครพนม มีความสำคัญมากขึ้นในฐานะเป็นจุดเชื่อมโยงทางการค้าในภูมิภาค" น.ส.ไตรศุลี กล่าว