ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ข้อมูลศก.สหรัฐอ่อนแอ ฉุดดอลล์อ่อนเทียบเงินสกุลหลักๆ

ข่าวต่างประเทศ Thursday April 17, 2008 06:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 เม.ย.) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการสร้างบ้านที่ทรุดตัวลงและดัชนีราคาผู้บริโภคที่ขยายตัวต่ำกว่าคาด ขณะที่ค่าเงินยูโรได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเงินเฟ้อในเขตยุโรโซนที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.5952 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันอังคารที่ 1.5791 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.9705 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.9626 ดอลลาร์/ปอนด์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งขึ้นแตะระดับ 0.9398 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย 0.9263 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 0.7905 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7867 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงแตะระดับ 101.75 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 101.81 เยน/ดอลลาร์
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 0.3% ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้นตามคาด 0.2%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านในเดือนมี.ค.ร่วงลง 11.9% แตะระดับ 947,000 ยูนิต และอัตราการอนุญาตก่อสร้างร่วงลง 5.8% แตะระดับ 927,000 ยูนิต ก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านจะอยู่ที่ 1.02 ล้านยูนิตในเดือนมี.ค. ลดลงจาก 1.065 ล้านยูนิตในเดือนก.พ. และอัตราการอนุญาตก่อสร้างจะอยู่ที่ 970,000 ยูนิตในเดือนมี.ค. ลดลงจาก 984,000 ยูนิตในเดือนก.พ.
นายอลัน รัสกิน นักวิเคราะห์จากบริษัทอาร์บีเอส กรีนวิช แคปิตอล กล่าวว่า ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กยังคงได้รับผลกระทบจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
นักลงทุนจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐ โดยล่าสุด เจพีมอร์แกน วาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐเปิดเผยตัวเลขกำไร 2.37 พันล้านดอลลาร์ หรือ 68 เซนต์ต่อหุ้นในไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งลดลงจาก 4.97 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.34 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาสเดียวกันของปี 2550 แต่ยังสูงกว่าการคาดการณ์เฉลี่ยของนักลงทุนที่ 64 เซนต์ต่อหุ้น
ผลประกอบการที่สูงกว่าคาดการณ์ของเจพีมอร์แกนได้รับการตอบรับจากนักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก และช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 250 จุดเมื่อคืนนี้ ส่วนราคาหุ้นเจพีมอร์แกนปิดพุ่งขึ้น 6.7%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ