คลังเผยฐานะการคลังตามระบบกระแสเงินสด มี.ค./6 เดือนแรกขาดดุลตามเป้าหมาย

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 17, 2008 14:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในเดือน มี.ค.51 รัฐบาลขาดดุลเงินสด 24,198 ล้านบาท มีผลให้ช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 51 รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวมทั้งสิ้น 173,387 ล้านบาท ต่ำกว่าการขาดดุลช่วงเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 8.5 โดยเป็นการขาดดุลเงินงบประมาณ 168,133 ล้านบาท และการขาดดุลเงินนอกงบประมาณ 5,254 ล้านบาท 
ทั้งนี้ การขาดดุลดังกล่าวเป็นไปตามเป้าหมายการดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลของรัฐบาล ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตในระดับร้อยละ 5.0 ในปี 51
ในเดือน มี.ค.51 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 87,142 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้ว 19,573 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.3 เป็นผลมาจากในเดือนเดียวกันปีที่แล้วมีรายได้จากส่วนเกินพันธบัตรจำนวน 3,537 ล้านบาท ขณะที่ปีปัจจุบันไม่มีรายได้ส่วนนี้เข้ามา นอกจากนั้นในเดือนนี้ยังมีการจัดสรรเงินให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ตาม พ.ร.บ.กำหนดแผนฯ(งวดที่ 2) จำนวน 11,233 ล้านบาท(ปีที่ผ่านมาจัดสรรงวดที่ 2 ในเดือน พ.ค.)
ขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 125,147 ล้านบาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 10.5 โดยรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนลดลงร้อยละ 6.0 และร้อยละ 37.5 ตามลำดับ ทั้งนี้ เนื่องจากในปีที่ผ่านมา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีมีผลบังคับใช้ล่าช้า ดังนั้นหลังจากเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือน ม.ค.50 ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่เดือน ก.พ.50 เป็นต้นมา
จากรายได้นำส่งคลังและการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลข้างต้นส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณในเดือน มี.ค.51 ขาดดุล 38,005 ล้านบาท เมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณซึ่งเกินดุล 13,807 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการออกตั๋วเงินคลังสุทธิ ทำให้ดุลเงินสดขาดดุลลดลงเหลือ 24,198 ล้านบาท ทั้งนี้รัฐบาลได้กู้เงินด้วยการออกพันธบัตรและตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน 11,178 ล้านบาทเพื่อชดเชยการขาดดุลดังกล่าว
ส่วนฐานะการคลังในช่วง 6 เดือนแรกปีงบประมาณ 51(ต.ค.50-มี.ค.51) รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 627,348 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วเพียง 21,426 ล้านบาท หรือเพียงร้อยละ 3.5 ทั้งนี้ เนื่องจากในปีนี้ได้จัดสรรเงินให้แก่ อปท. ตาม พ.ร.บ.กำหนดแผนฯ ไปแล้ว 2 งวด จำนวน 21,248 ล้านบาท ขณะที่ปีที่แล้วได้จัดสรรงวดแรกในเดือน เม.ย.50 สำหรับการจัดเก็บภาษีหลักๆ ของรัฐบาลยังคงเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เช่น ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และอากรขาเข้า เป็นต้น
ขณะที่การเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลมีจำนวนทั้งสิ้น 795,481 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 58,034 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.9 โดยแบ่งออกเป็นรายจ่ายจากงบประมาณปีปัจจุบัน 726,978 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเบิกจ่ายร้อยละ 43.8 ของวงเงินงบประมาณ(1.66 ล้านล้านบาท) สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่มีอัตราการเบิกจ่ายร้อยละ 42.4 ของวงเงินงบประมาณ(1,566,200 ล้านบาท) และรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อน 68,503 ล้านบาท
ผลจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่รายได้ขยายตัวเพียงร้อยละ 3.5 ส่งผลให้รัฐบาลขาดดุลเงินงบประมาณจำนวน 168,133 ล้านบาท และเมื่อรวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่ขาดดุลจำนวน 5,254 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดทั้งสิ้น 173,387 ล้านบาท ทั้งนี้รัฐบาลชดเชยการขาดดุลดังกล่าวโดยการออกพันธบัตรและตั๋วสัญญาใช้เงินรวม 85,448 ล้านบาท และใช้เงินคงคลัง 87,939 ล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ