ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme (PGS) ระยะที่ 10 โดยอนุมัติงบฯ วงเงินรวมไม่เกิน 7,125 ล้านบาท วงเงินค้ำประกันรวม 50,000 ล้านบาท
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่มีศักยภาพที่ต้องการสินเชื่อ แต่หลักประกันไม่เพียงพอหรือมีปัญหาด้านสภาพคล่อง ให้มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงิน และสามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้ ผ่านกลไกการค้ำประกันสินเชื่อของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
- วงเงินค้ำประกันรวม 50,000 ล้านบาท (ไม่เกิน 40 ลบ./ราย รวมทุกสถาบันการเงิน และการยื่นขอค้ำประกันขั้นต่ำครั้งละไม่น้อยกว่า 10,000 บาท) อายุการค้ำประกัน ไม่เกิน 10 ปี
- ระยะเวลารับคำขอค้ำประกันสินเชื่อ 2 ปี นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ
- ค่าธรรมเนียมการค้ำประกัน รวมทั้งโครงการเฉลี่ยไม่เกิน 1.75% ต่อปี และสามารถจัดสรรอัตราค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อที่รัฐบาลจ่ายแทนผู้ประกอบการ SMEs ในแต่ละโครงการย่อยได้ตามความเหมาะสม
- บสย. จ่ายค่าประกันชดเชยตลอดโครงการ (10 ปี) โดย บสย. จะเริ่มจ่ายค่าประกันชดเชยครั้งแรกในปีที่ 2 ของการค้ำประกัน และในปีถัดไปจนสิ้นสุดการค้ำประกัน
- การขอรับการชดเชย รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 7,125 ล้านบาท
- ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ทำให้มีผู้ประกอบการ SMEs ได้รับสินเชื่อเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 76,900 ราย ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินไม่ต่ำกว่า 60,000 ล้านบาท
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการ PGS ระยะที่ 10 ดำเนินการต่อเนื่องจากโครงการ PGS ระยะที่ 9 ซึ่งครั้งนี้ ได้เพิ่มเติมกลุ่มเป้าหมายให้รวมถึงผู้ประกอบการ SMEs ขนาดเล็กด้วย (SSMEs) ซึ่งผลการดำเนินงานโครงการ PGS ระยะที่ 9 สามารถช่วยผู้ประกอบการ SMEs แล้ว 37,823 ราย และเกิดสินเชื่อจำนวน 187,494 ล้านบาท