นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยขยายระยะเวลากู้เพิ่มอีก 2 ปี จากเดิมไม่เกิน 3 ปี เป็นไม่เกิน 5 ปี สิ้นสุดระยะเวลากู้วันที่ 24 มี.ค.68 เพื่อช่วยให้ลูกหนี้ที่ประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินและมีรายได้ไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ตามกำหนด ให้มีเวลาในการผ่อนชำระหนี้มากขึ้น และสามารถทยอยชำระหนี้ได้ตามศักยภาพ
สำหรับโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มสภาพคล่องชั่วคราวในการดำรงชีวิตแก่ประชาชนที่มีอาชีพอิสระ เช่น หาบเร่ แผงลอย ลูกจ้างภาคการเกษตร เป็นต้น ซึ่งมีภาระค่าใช้จ่ายจำเป็นหรือภาระหนี้ที่ต้องชำระ เช่น สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือจำเป็นต้องใช้จ่ายฉุกเฉิน รวมถึงป้องกันการผิดนัดชำระหนี้ หรือพึ่งพาสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงหรือสินเชื่อนอกระบบ โดยวงเงินสินเชื่อรวม 40,000 ล้านบาท
โดยธนาคารออมสิน สนับสนุนสินเชื่อวงเงิน 20,000 ล้านบาท และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) สนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท ให้วงเงินสินเชื่อ 10,000 บาท/ราย และอัตราดอกเบี้ยคงที่ไม่เกิน 0.10% /เดือน ระยะเวลากู้ไม่เกิน 3 ปี ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 12 เดือน
ทั้งนี้ ปัจจุบันได้สิ้นสุดระยะเวลาดำเนินโครงการฯ หรือสิ้นสุดการอนุมัติสินเชื่อแล้วตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. 64 โดยข้อมูล ณ วันที่ 21 ก.พ. 66 ธนาคารออมสิน มียอดอนุมัติสินเชื่อ 1,980,464 ราย เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 19,804.64 ล้านบาท และมียอดสินเชื่อคงค้าง 6,669 ล้านบาท ขณะที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) มียอดอนุมัติสินเชื่อจำนวน 913,548 ราย เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 9,086 ล้านบาท และมียอดสินเชื่อคงค้าง 2,349 ล้านบาท