กกร. คาดศก.ไทยไม่ถดถอย มั่นใจ Q1/66 ฟื้น ทั้งปีโต 3-3.5% แม้ส่งออกหดตัว

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 1, 2023 13:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กกร. คาดศก.ไทยไม่ถดถอย มั่นใจ Q1/66 ฟื้น ทั้งปีโต 3-3.5% แม้ส่งออกหดตัว

ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คาดว่าการส่งออกของไทยในปี 66 มีโอกาสหดตัวในกรอบ -1 ถึง 0% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 1-2% ซึ่งสอดคล้องกับการส่งออกประเทศคู่แข่งของไทยในภูมิภาค เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ที่มีทิศ ทางหดตัวเช่นเดียวกัน โดยได้รับผลกระทบจากกิจกรรมภาคการผลิตของโลกที่ยังอยู่ในภาวะหดตัว รวมถึงการปรับสมดุลระดับสินค้าคงคลัง หลังจากความต้องการสินค้าที่เคยได้อานิสงส์จากโควิด-19 อยู่ในช่วงขาลง โดยเฉพาะสินค้าเกี่ยวกับ work from home คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

กกร. คาดศก.ไทยไม่ถดถอย มั่นใจ Q1/66 ฟื้น ทั้งปีโต 3-3.5% แม้ส่งออกหดตัว

นอกจากนี้ ราคาสินค้าส่งออกยังมีแนวโน้มลดลง ตามทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ดังนั้นมูลค่าการส่งออกทั้งปี อาจต่ำกว่าปีที่ ผ่านมาได้

อย่างไรก็ตาม กกร.มองว่า เศรษฐกิจไทยจะไม่เกิด technical recession (ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเชิงเทคนิค) แม้ ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ในไตรมาส 4/65 จะหดตัว 1.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/65 แต่คาดว่าในไตรมาส 1/66 จะไม่หดตัว ต่อจนกลายเป็น technical recession โดยการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหลักในการสนับสนุนเศรษฐกิจในไตรมาสแรกให้ฟื้นตัวได้ และ คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี จะเพิ่มสูงถึง 25-30 ล้านคน สูงกว่าประมารการเดิมที่ราว 22 ล้านคน กกร. จึงคงคาดการณ์ GDP ทั้งปี 66 ไว้ที่ขยายตัว 3.0-3.5% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ที่ 2.7-3.2% ตามกรอบเดิม

                              กรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2566 ของ กกร.

          %YoY          ปี 2565 (ณ ธ.ค.65)        ปี 2566 (ณ ก.พ.66)        ปี 2566 (ณ มี.ค.66)
          GDP                2.6                    3.0 ถึง 3.5               3.0 ถึง 3.5
          ส่งออก              5.5                    1.0 ถึง 2.0              -1.0 ถึง 0.0
          เงินเฟ้อ             6.1                    2.7 ถึง 3.2               2.7 ถึง 3.2

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะเป็นประธาน กกร. กล่าว ว่า เศรษฐกิจไทยควรให้ความสำคัญในการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เร่งการใช้จ่ายภาครัฐในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล รวมทั้งอาศัย โอกาสจากภาคการท่องเที่ยวที่มีการขยายตัวต่อเนื่องในช่วงนี้ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่จะกระจายรายได้สู่ชุมชน ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้สามารถขยายตัวได้ในกรอบประมาณการเศรษฐกิจเดิม

"ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้วสะท้อนให้เห็นจากยอดส่งออกในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ปัจจัยที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้จะ เปลี่ยนจากการส่งออกไปเป็นภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภาครัฐ" นายเกรียงไกร กล่าว

ขณะที่ยังมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ ค่าแรง ความผันผวนของค่าเงินบาท และต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น ซึ่ง ภาคเอกชนอยากให้ภาครัฐเปิดโอกาสให้ได้ร่วมแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นการแก้ไขปัญหา รวมถึงมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ให้สามารถปรับตัวรับความเสี่ยงผลจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ยที่ทยอยปรับสูงขึ้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมกกร. ตระหนักถึงภัยหลอกลวงทางการเงินออนไลน์ ที่บั่นทอนความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ กิจกรรมที่ ใช้อำนวยความสะดวก เช่น ธุรกิจที่ใช้ SMS และ เว็บไซต์ลิงค์ ติดต่อลูกค้า กลายเป็นช่องทางของมิจฉาชีพในการหลอกให้โอนเงินผ่าน มือถือเข้าบัญชีม้า หรือวอลเล็ต ซึ่งภาคธุรกิจจะทบทวนช่องทางเหล่านี้เพื่อป้องกันภัยทางการเงินที่จะเกิดขึ้น โดยล่าสุดภาคธนาคารทยอย ลดการใช้ SMS ในการติดต่อลูกค้าในระยะนี้ โดยรูปแบบการหลอกลวงล่าสุด คือ หลอกให้เราโอนเอง จากการเข้าไปฝังตัวในมือถือเพื่อ สั่งโอนเงินระยะไกล

ปัจจุบันภาคธนาคาร ภาคโทรคมนาคม และภาคตลาดทุนหาแนวทางป้องกันภัยในทุกรูปแบบ หากร่างพระราชกำหนด (พ.ร. ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีผลบังคับใช้ จะช่วยให้การดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อ มิจฉาชีพทำได้รวดเร็วขึ้น ระงับความเสียหายได้อย่างทันท่วงที สามารถบล็อกบัญชีต้องสงสัยได้ โดยไม่ต้องรอแจ้งความ การแก้ปัญหาภัย ทางการเงิน ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ครอบคลุมทุกกระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบ (end to end) ตั้งแต่การใช้มือถือ จนถึง การโอนเงินออก ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียต่างๆ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน (ปปง.) โดยภาคธนาคารเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาเท่านั้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ