น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษี ด้วยการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะและอากรแสตมป์ แก่ผู้บริจาคที่เป็นบุคคลธรรมดา หรือบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อสนับสนุนการกีฬา ให้แก่องค์กรดังต่อไปนี้
1. การกีฬาแห่งประเทศไทย
2. คณะกรรมการกีฬาจังหวัด
3. สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด
4. สมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า "แห่งประเทศไทย" (เช่น สมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬามวลสากลแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย เป็นต้น) หรือกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ
5. กรมพลศึกษา
โดยให้สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของจำนวนเงินบริจาค ในกรณีบุคคลธรรมดาเมื่อรวมกับเงินบริจาคอื่นตามที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในประมวลรัษฎากรกำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นจำนวน 2 เท่าแล้ว จะต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้พึงประเมิน หลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อน
ส่วนกรณีบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สามารถหักรายจ่ายได้ 2 เท่า ไม่ว่าจะได้จ่ายเป็นเงินหรือทรัพย์สิน แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายบริจาคอื่นแล้วจะต้องไม่เกิน 10% ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ หรือเพื่อการสาธารณะประโยชน์ และเพื่อการศึกษา
พร้อมกับให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะและอากรแสตมป์ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับการโอนทรัพย์สิน การขายสินค้า หรือการกระทำตราสาร อันเนื่องมาจากการบริจาคให้แก่หน่วยรับบริจาคเพื่อสนับสนุนการกีฬาด้วย
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การบริจาคจะต้องดำเนินการผ่านระบบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร ตั้งแต่ 1 ม.ค. 66 - 31 ธ.ค.67 รวม 2 ปีภาษี โดยกระทรวงการคลังได้ประมาณการการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่จะได้รับแล้วคาดว่ามาตรการภาษีนี้จะมีผลให้ภาครัฐจัดเก็บภาษีลดลงปีละ 1 ล้านบาท 2 ปี ภาษีรวม 2 ล้านบาท
"คาดว่าหน่วยรับบริจาคเพื่อสนับสนุนการกีฬา จะได้รับบริจาคปีละประมาณ 8 ล้านบาทเศษ และเป็นการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนและประชาชนมีส่วนร่วมสนับสนุนการกีฬาของประเทศอย่างต่อเนื่อง และเป็นการลดภาระงบประมาณของรัฐในด้านการกีฬาได้อีกทางหนึ่ง" รองโฆษกรัฐบาลกล่าว
ทั้งนี้ ครม.ยังได้มอบหมายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขับเคลื่อนสร้างการรับรู้และความเข้าใจมาตรการภาษีแก่ประชาชนทั่วไป รวมถึงสนับสนุนหน่วยรับบริจาคให้ใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้บริจาคต่อไป