พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ว่า ในวันนี้ได้มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะการนำพลังงานหมุนเวียนมา และขยายกำลังการผลิตมาใช้ให้มากขึ้น โดยเฉพาะในระดับท้องถิ่น จะต้องแก้ปัญหาเรื่องโลกร้อน ขยะและนำกลับมาใช้เป็นพลังงาน ให้สอดคล้องกับแผน การลดใช้พลังงานฟอสซิลลง
ที่ประชุมยังหารือเรื่องค่าไฟฟ้า พยายามไม่ให้ทุกกลุ่มเดือดร้อน ซึ่งยังคงดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อย พร้อมรับฟังความคิดเห็นราคาค่าพลังงาน ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ต้องการให้ใครเดือดร้อนทั้งสิ้น แต่เข้าใจว่ารัฐบาลจะต้องบริหารอย่างระมัดระวังมากที่สุด หากบริหารไม่ถูกต้องก็จะมีปัญหาในการบริหารงานในวันข้างหน้า ซึ่งตนได้มอบแนวทางไปแล้วว่า จะพยายามให้เดือดร้อนน้อยที่สุด หรือไม่เดือดร้อนเลย ถ้าสถานการณ์โลกดีขึ้น
สำหรับข้อเรียกร้องของภาคเอกชนให้มีการลดค่าไฟนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า วันนี้รัฐบาลได้ดูแลภาคอุตสาหกรรมอย่างเต็มที่ ซึ่งได้หารือกันแล้วภาคอุตสาหกรรมก็เห็นด้วย ซึ่งบางอย่างจะต้องดูแลกลุ่มผู้มีรายได้น้อยหรือกลุ่มเปราะบาง ที่ต้องดูแลกันต่อ ซึ่งก็ขอร้องภาคอุตสาหกรรมอย่าขึ้นราคาสินค้า
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เคาะค่าไฟงวดใหม่ อยู่ที่ 4.75 บาท/หน่วย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้กำลังรับฟังความคิดเห็นอยู่ เพราะรัฐบาลใช้เงินในการดูแลค่าไฟให้ช่วยกันถึงหมื่นล้านบาท ขอให้ประชาชนเข้าใจว่ารัฐบาลได้ทำเต็มที่แล้ว เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบในระยะยาว มีปัญหาเกิดขึ้นในอนาคตหรือสร้างภาระให้กับรัฐบาลใหม่
ส่วนในอนาคตรัฐบาลใหม่ก็ต้องมาทำต่อ และวันนี้ได้ทำเพื่ออนาคตในทุกเรื่อง สิ่งไหนที่มีความจำเป็นก็ต้องมีการพิจารณาในเบื้องต้นก่อน เพราะเมื่อเป็นรัฐบาลรักษาการไม่สามารถทำอะไรได้ต้องรอรัฐบาลหน้า ส่วนสิ่งไหนที่ศึกษาก็เริ่มทำไปก่อนได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในวันนี้ได้พูดคุยกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจกา เป็นห่วงเรื่องอัตราเงินเฟ้อ และการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของต่างประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อไทย แต่รัฐบาลถือว่ารัฐบาลได้บริหารงานดีพอสมควรและดีมากเมื่อเทียบกับบริหารงานในหลายประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวหลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบทิ้งทวนในส่วนของการเพิ่มเงิน อสม. เพื่อเรียกคะแนนก่อนเลือกตั้งว่า เป็นข้อเสนอของพรรคร่วมรัฐบาล จึงนำขึ้นมาพิจารณา แต่การใช้งบประมาณเป็นเรื่องของวันข้างหน้า ต้องจัดหางบประมาณให้เพียงพอ จึงต้องใช้งบประมาณปี 2567 ซึ่งจะต้องมีการเสนอแผนการใช้จ่ายต่อสภา คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้เห็นชอบในหลักการเท่านั้น พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่ทำเพื่อประชาชนทั้งนั้น เนื่องจาก อสม.ทำงานเหน็ดเหนื่อยก็มีการพิจารณาให้