องค์การการค้าโลกระบุว่า จีนกลายเป็นประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับสองของโลกเป็นครั้งแรก ในปี 2550 ท่ามกลางภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจการค้าทั่วโลก
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การส่งออกสินค้าของจีนในปี 2550 เพิ่มขึ้น 19.5 เปอร์เซนต์ คิดเป็นมูลค่า 1.22 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้การส่งออกสินค้าของจีนแซงหน้าสหรัฐซึ่งเคยเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลกรองจากเยอรมนี
องค์การการค้าโลกระบุว่า ตัวเลขการส่งสินค้าออกจากประเทศต่างๆเพิ่มขึ้น 5.5 เปอร์เซนต์ตามมูลค่าที่แท้จริงในปี 2550 มาอยู่ที่ 13.57 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ลดลง 3.0 เปอร์เซนต์ สาเหตุหลักของการส่งออกที่ลดลงเกิดจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างฉับพลันในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมเนื่องจากวิกฤตเงินกู้ซับไพรม์ในสหรัฐ
องค์การการค้าโลกคาดว่า อัตราการเจริญเติบโตจะชะลอตัวเพิ่มขึ้นถึง 4.5 เปอร์เซนต์ในปี 2551
นายปาสกาล ลามี ผู้อำนวยการองค์การการค้าโลกซึ่งให้ความเห็นว่า แนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจโลกจะย่ำแย่ลง และได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องหาข้อสรุปแต่เนิ่นๆในการเจรจาทางการค้ารอบโดฮา เนื่องจากเสถียรภาพของระบบการค้าแบบพหุภาคีมีความสำคัญต่อการกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆทั่วโลก
องค์การการค้าโลกระบุว่า กลุ่มประเทศกำลังพัฒนายังคงมีอัตราการส่งออกสูงซึ่งตรงข้ามกับกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นจัดเป็นประเทศทั้งผู้ส่งออกและนำเข้าอันดับที่สี่ ซึ่งมีอัตราการเติบโตที่ 9.0 เปอร์เซนต์ และ 1.0 เปอร์เซนต์ ตามลำดับ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--