นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เชื่อว่า วิกฤตธนาคารในต่างประเทศ จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมระบบการเงิน หรือระบบเศรษฐกิจของไทย เพียงแต่เป็นเรื่องที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน ทั้งในตลาดเงินและตลาดทุนมากกว่า เนื่องจากธุรกิจของธนาคารที่มีปัญหาเป็นธุรกิจค่อนข้างเฉพาะ จึงไม่น่าจะมีผลกระทบมากนัก
พร้อมเชื่อว่าประเด็นดังกล่าว น่าจะมีผลกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ชะลอการพิจารณาเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบายออกไประยะหนึ่ง ซึ่งก็อาจจะส่งผลให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจจะยังไม่พิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของไทยด้วย
สำหรับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ยังยืนยันว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไปอย่างน้อย 3-6 เดือน ซึ่งปัจจัยทั้งหมดถือเป็นผลดีกับลูกค้าของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเปราะบาง
"ช่วง 3-6 เดือนนี้ เชื่อว่าแบงก์รัฐน่าจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย ยกเว้นกรณีที่ตลาดหรือสถาบันการเงินบางแห่ง มีแผนจะระดมทุน ก็อาจจะต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก เพื่อเป็นการระดมเงินทุนบ้าง แต่ในส่วนของดอกเบี้ยเงินกู้ช่วงนี้ คงจะไม่เห็นการปรับขึ้น ส่วนในระยะต่อไปคงต้องติดตามว่าเฟดจะดำเนินการอย่างไรต่อไป" นายฉัตรชัย กล่าว
สำหรับภาพรวมการปล่อยสินเชื่อของ ธอส. ตั้งแต่ต้นปี - 15 มี.ค.66 มียอดปล่อยสินเชื่อแล้ว 3.7 หมื่นล้านบาท มีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ในปีนี้ ธอส. มีแผนในการบริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) โดยจะจำหน่ายสินทรัพย์รอการขาย (NPA) วงเงินราว 1 หมื่นล้านบาท ในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.66 ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว จะช่วยทำให้หนี้เสียของธนาคารในปีนี้ลดลงอย่างน้อย 1 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.5 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่า ณ สิ้นปี หนี้เสียของ ธอส. น่าจะไม่เกิน 4.25%