ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์ถัดไป (20-24 มี.ค.) อยู่ที่ระดับ 33.80-34.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงิน dot plot และตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน ประเด็นปัญหาของแบงก์ในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ รวมทั้งสถานการณ์เงินลงทุนของต่างชาติ และสกุลเงินเอเชีย
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขการส่งออกเดือนก.พ. ของไทย ข้อมูล PMI (เบื้องต้น)สำหรับเดือนมี.ค. ของสหรัฐฯ ยูโรโซน และอังกฤษ รวมถึงตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ.อังกฤษ
ทั้งนี้ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (13-17 มี.ค.) เงินบาททยอยแข็งค่าเกือบตลอดสัปดาห์ และทำสถิติแข็งค่าสุดในรอบ 1 เดือนที่ 34.13 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงปลายสัปดาห์ โดยเงินบาทแข็งขึ้นสอดคล้องกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขาย และทยอยอ่อนค่าลงตามทิศทางบอนด์ยีลด์ระยะสั้นของสหรัฐฯ หลังจากที่ปัญหาของธนาคารบางแห่งในสหรัฐฯ ทำให้ตลาดประเมินว่าเฟดอาจไม่ส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินได้มากนักในการประชุม FOMC เดือนมี.ค. นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินบาทยังสอดคล้องกับจังหวะการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก และสถานะเข้าซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ
อย่างไรก็ดี เงินบาทอ่อนค่าลงช่วงสั้นๆ ในระหว่างสัปดาห์ หลังข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ (CPI) ของสหรัฐฯ หนุนการคาดการณ์ว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยประมาณ 25 bps. ในการประชุม 21-22 มี.ค.นี้ เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ตามทิศทางสินทรัพย์เสี่ยง ท่ามกลางสัญญาณที่สะท้อนว่ามีการเข้าช่วยเหลือด้านสภาพคล่องในแบงก์ที่ประสบปัญหาทั้งในสหรัฐฯ และสวิตเซอร์แลนด์ ประกอบกับเงินบาทน่าจะมีแรงหนุนตามปัจจัยทางเทคนิคด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ตลาดยังคงติดตามปัญหาแบงก์ในสหรัฐฯ และสวิตเซอร์แลนด์อย่างต่อเนื่อง
ในวันศุกร์ที่ 17 มี.ค.66 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.21 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 35.07 บาทต่อดอลลาร์ฯ จากในวันศุกร์ก่อนหน้า (10 มี.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 13-17 มี.ค.นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 9,735 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทยต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ที่ 3,692 ล้านบาท (ซื้อสุทธิ 7,103 ล้านบาท ขณะที่มีตราสารหนี้หมดอายุ 3,411 ล้านบาท