นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ที่ผ่านมาเราพูดกันถึงนโยบายแจกแถมกันมามาก วันนี้ จำเป็นต้องคิดถึงนโยบายขยายขนาดเศรษฐกิจที่ยั่งยืนกันแล้ว "Go Nomad in Thailand" จะเป็นแคมเปญที่รัฐบาลกับภาคเอกชนสามารถร่วมรณรงค์ไปด้วยกัน เริ่มจากเมืองหลัก กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต แล้วขยายไปยังเมืองรองอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต ส่งต่อรายได้ลงไปยังเศรษฐกิจชุมชนผ่านธุรกิจท่องเที่ยวและบริการอย่างยั่งยืน
แม้ว่ารัฐบาลไทยยังไม่มีนโยบายในเรื่องนี้เลย แต่ปรากฏว่า กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ กลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของเหล่า digital nomad ทั่วโลกไปแล้ว จาก https://nomadlist.com/ และเว็บอื่น ๆ ปรากฎว่ากรุงเทพเป็นหมุดหมายอันดับหนึ่งของกลุ่ม digital nomad ด้วยองค์ประกอบของค่าครองชีพที่รับได้ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมโดดเด่น มีกิจกรรมที่สนุกหลากหลาย คนไทยเป็นมิตรกับคนต่างชาติ มีอาหารและแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก แถมมีระบบอินเตอร์เน็ตที่ถือว่าอยู่ระดับที่ดี
มูลค่าเศรษฐกิจของ กทม. นับเป็น 1 ใน 4 ของจีดีพีไทย สัดส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมค้าส่งและค้าปลีก (24%) และอุตสาหกรรมโรงงาน (21%) อุตสาหกรรมขนส่งและสื่อสารและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและร้านอาหาร มีสัดส่วนเพียง 14% และ 9% ตามลำดับ
หากจะขยายขนาดเศรษฐกิจของ กทม. ด้วยความพร้อมของสภาพแวดล้อม บุคลากร และโครงสร้างพื้นฐานของ กทม. อุตสาหกรรมที่เหมาะเป็นพระเอกคือ อุตสาหกรรมสื่อสารและดิจิทัล ที่เติบโตในอัตราเร่งทั่วโลก และในไทยเองก็ถูกคาดการณ์ว่าจะโตได้ถึง 25% ของจีดีพีไทยภายในปี 2570
การส่งเสริมให้ กทม. เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมสื่อสารและดิจิทัลในภูมิภาคเอเชีย จะดึงเม็ดเงินลงทุนของอุตสาหกรรมนี้และอุตสาหกรรมอื่นที่เชื่อมโยงตามมาด้วย เช่น อุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นไปที่คุณภาพมากกว่าปริมาณของนักท่องเที่ยว กลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่หลายเมืองใหญ่ในโลกพยายามดึงดูดคือ พวก digital nomad ซึ่งเป็นกลุ่มคนทำงานยุคดิจิทัลแบบไร้ออฟฟิศ นิยมย้ายไปทำงานในต่างประเทศ เพื่อท่องเที่ยวไปด้วย และประมาณ 75% ของคนกลุ่มนี้เป็นเจ้าของกิจการขนาดเล็กที่สนใจการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เพราะต้องการใกล้ชิดชุมชน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน
ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการสำหรับกลุ่ม digital nomad จึงเป็นโอกาสสร้างรายได้ใหม่ของ กทม. ด้วยจุดเด่นเรื่องระยะเวลาเข้าพักเฉลี่ยที่สูงกว่ากลุ่มท่องเที่ยวทั่วไป คนกลุ่มนี้จำนวนมากอาจพักระยะยาวเป็นปีก็ได้ ธุรกิจที่รองรับคนกลุ่มนี้จึงไม่ต้องเผชิญความผันผวนเหมือนการพึ่งพิงนักท่องเที่ยวทั่วไป