นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีความพอใจกับความสำเร็จหลังไทยฟื้นความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทำให้เกิดความร่วมมือต่อกัน โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการค้าที่มีมูลค่ารวม 323,113 ล้านบาทในปี 65 ขยายตัวถึง 37.64%
โดยรัฐบาลทั้งสองประเทศได้มีความร่วมมือกัน 9 ด้าน ได้แก่ ด้านการท่องเที่ยว ด้านแรงงาน ด้านอาหาร ด้านสุขภาพ ด้านพลังงาน ด้านการศึกษาและศาสนา ด้านความมั่นคง ด้านกีฬา ด้านการค้าและการลงทุน ขณะที่ภาคเอกชนไทยสนใจที่จะลงทุนในธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหาร สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าตกแต่งภายใน ส่วนซาอุดีอาระเบียสนใจลงทุนด้านพลังงานในพื้นที่ EEC ซึ่งพร้อมลงทุนสูงถึง 300,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้ลงนามขยายความร่วมมืออีกหลายฉบับ จับคู่เจรจาธุรกิจมากกว่า 500 คู่ ซึ่งคาดว่าจะเกิดมูลค่าการค้าใหม่ 3 หมื่นล้านบาท และสร้างการลงทุนระหว่างกันมากกว่า 1 หมื่นล้านบาทภายในปี 66
ทั้งนี้ มูลค่าทางการค้าของทั้งสองประเทศที่มีรวมกันกว่า 3 แสนล้านบาท เป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อน 37.64% ทำให้ซาอุดีอาระเบียกลายเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 17 ของไทยในตลาดโลก และอันดับที่ 2 ในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยไทยส่งออกไปซาอุดีอาระเบียเป็นมูลค่ากว่า 71,386 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.46% ส่วนใหญ่เป็นสินค้าจำพวกรถยนต์และชิ้นส่วน เครื่องปรับอากาศ อาหาร อัญมณีและเครื่องประดับ ไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ และผลิตภัณฑ์ยาง ขณะที่มีการนำเข้าสินค้าจากซาอุดีอาระเบียกว่า 251,727 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.69% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป ก๊าซธรรมชาติ และเคมีภัณฑ์
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยกว่า 1 แสนคน มากกว่าช่วงก่อนเกิดการระบาดโควิด-19 ที่เดินทางเข้ามาประมาณ 3 หมื่นกว่าคนต่อปี ด้วยความนิยม ชื่อเสียงด้านเมืองจุดหมายปลายทางของไทย และการเดินทางระหว่างกันที่สะดวกสบายมากขึ้นผ่านเที่ยวบินตรง ซึ่งเกิดจากความสำเร็จและความพยายามของรัฐบาล จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวซาอุดีอาระเบียให้เข้ามาท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นได้อีกเป็นจำนวนมาก
"นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมา เห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรม ชัดเจนจากการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นการฟื้นฟูความสำเร็จรอบ 32 ปี จึงเป็นโอกาสสำคัญในการขยายความร่วมมือ การค้าการลงทุน การท่องเที่ยว ความสัมพันธ์ด้านสังคม แรงงาน ซึ่งจะช่วยต่อยอดขยายโอกาสไปยังมิติที่ต่างมีศักยภาพ และสามารถพัฒนาความร่วมมือไปได้เพิ่มอีก" นายอนุชา กล่าว