ดอลล์แข็งค่าที่ตลาดออสเตรเลียเช้านี้ ขณะตลาดจับตาผลประกอบการบ.สหรัฐต่อเนื่อง

          ดอลลาร์เคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆที่ตลาดปริวรรตเงินตราออสเตรเลียเช้าวันนี้ (21 เม.ย.) โดยเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร เนื่องจากนักลงทุนมองว่า วิกฤติสินเชื่อได้ผ่านพ้นช่วงเลวร้ายที่สุดไปแล้ว นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยหนุนหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา 
          สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ณ เวลา 07.10 น. ตามเวลาในประเทศไทย ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะที่ 103.88 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 103.67 เยนต่อดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ค่าเงินยูโรซื้อขายกันที่ระดับ 1.5808 ดอลลาร์ต่อยูโร ซึ่งอ่อนค่าลงจาก 1.5818 ดอลลาร์ต่อยูโร
          แคทเธอรีน แทน นักวิเคราะห์จากธอมสัน รอยเตอร์ ไอเอฟอาร์ มาร์เกตส์กล่าวว่า การซื้อขายในตลาดปริวรรตเงินตราออสเตรเลียน่าจะยังมีความผันผวนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐที่พุ่งสูงขึ้นอาจทำให้นักลงทุนหลั่งไหลเข้าทำธุรกรรม  carry trade มากขึ้น และเงินดอลลาร์มีโอกาสไต่ระดับขึ้นแตะที่ 105.00 เยนต่อดอลลาร์          
          โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์ถีบตัวขึ้นฝ่าระดับ 103 เยนต่อดอลลาร์ หลังตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นแข็งแกร่งจากแรงกระตุ้นของนักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นว่า อัตราผลตอบแทนของเงินดอลลาร์สหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป
          ทั้งนี้ นายชาร์ลส์ พลอสเซอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดเฟียกล่าวว่า การปรับอัตราดอกเบี้ยเป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยภาพรวม โดยชี้ว่า อัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นของสหรัฐอยู่ในระดับที่ต่ำมากพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัว และการปรับลดดอกเบี้ยในก่อนหน้านี้ได้เริ่มที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจแล้ว
          แทนกล่าวว่า นักลงทุนจะจับตาการรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของแบงค์ ออฟ อเมริกาในวันจันทร์นี้ และผลประกอบการของเครดิต สวิส ในวันอังคาร โดยคาดว่าสถาบันการเงินทั้งสองแห่งจะมีผลประกอบการที่ดีเช่นเดียวกับที่ซิตี้กรุ๊ปและเจพีมอร์แกนรายงานออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว 
          นอกจากนี้ ทางการสหรัฐจะรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง ยอดขายบ้านใหม่ และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน รวมถึงผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภค ซึ่งแทนกล่าวว่า ตลาดจะจับตาข้อมูลในตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก