ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า (27-31 มี.ค.) ที่ระดับ 33.80-34.50 บาท/ดอลลาร์ จากปิดตลาดวันศุกร์ที่ 24 มี.ค. 66 ที่ระดับ 34.12 บาท/ดอลลาร์
โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน ก่อนแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 5 สัปดาห์ หลังผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ทั้งนี้ เงินบาทขยับอ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์ตามแรงขายสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับน่าจะมีแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ฯ เพื่อปรับโพสิชันบางส่วนก่อนการประชุมเฟด
อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาแข็งขึ้นตามสกุลเงินเอเชียในภาพรวมหลังผลการประชุมเฟด ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขายท่ามกลางการคาดการณ์ว่า เฟดใกล้ที่จะยุติวัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้น หลัง dot plot สะท้อนว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ โดยเงินบาทหลุดระดับ 34.00 ช่วงสั้นๆ ไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 5 สัปดาห์ที่ 33.91 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ถูกกดดันจากการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์และปัญหาแบงก์ในสหรัฐฯ อย่างไรก็ดีกรอบการแข็งค่าของเงินบาทเป็นไปอย่างจำกัดในช่วงปลายสัปดาห์ เนื่องจากตลาดกลับมากังวลเกี่ยวกับปัญหาของธนาคารในฝั่งยุโรป และรอติดตามผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 29 มี.ค. นี้ ด้วยเช่นกัน
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 20-24 มี.ค. นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 5,242 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทยที่ 11 ล้านบาท (ซื้อสุทธิ 109 ล้านบาท ขณะที่มีตราสารหนี้หมดอายุ 120 ล้านบาท)
ขณะที่ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์หน้า ได้แก่ ผลการประชุมกนง. รายงานเศรษฐกิจการเงินและตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนก.พ. พัฒนาการปัญหาของแบงก์ในสหรัฐฯ ทิศทางเงินทุนต่างชาติและสกุลเงินเอเชีย
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย และอัตราเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Index เดือนก.พ. ดัชนีความเชื่อมั่นและตัวเลขเงินเฟ้อคาดการณ์จากมุมมองของผู้บริโภคเดือนมี.ค. ตัวเลขจีดีพีในไตรมาส 4/2565 (final) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลอัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค. ของยูโรโซน รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิต/บริการเดือนมี.ค. ของจีน