GICคาดเศรษฐกิจโลกอาจถดถอยรุนแรงสุดในรอบ 30 ปีหากวิกฤตสินเชื่อสหรัฐลุกลาม

          บรรษัทการลงทุนแห่งรัฐบาลสิงคโปร์ (GIC) ซึ่งเป็นกองทุนบริหารความมั่งคั่งของรัฐบาล (SWF) ที่บริหารจัดการสินทรัพย์ของรัฐบาลสิงคโปร์เป็นมูลค่ากว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกอาจจะเผชิญภาวะถดถอยที่รุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี หากวิกฤตการณ์สินเชื่อของสหรัฐลุกลามมากขึ้น
          นายโทนี่ ตัน รองประธาน GIC กล่าวว่า "หากวิกฤตการณ์สินเชื่อในสหรัฐลุกลามรุนแรงขึ้น ก็จะทำให้เศรษฐกิจโลกเผชิญภาวะถดถอยที่ยาวนานขึ้น ในระดับที่ลึกขึ้น และลุกลามในวงกว้างขึ้น ซึ่งสถานการณ์ดังกลาวจะทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอยรุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี" 
          อย่างไรก็ตาม นายตันมั่นใจว่าตลาดการเงินทั่วโลกอาจฟื้นตัวขึ้นหากคณะกรรมการกำหนดนโยบายในประเทศทั่วโลกใช้มาตรการเชิงรุกและตอบสนองวิกฤตการณ์อย่างทันท่วงที
          สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า GIC พลิกวิกฤตการณ์สินเชื่อทั่วโลกให้เป็นประโยชน์กับสิงคโปร์ ด้วยการเข้าซื้อหุ้นในธนาคารพาณิชย์ระดับโลก อาทิ ซิตี้กรุ๊ป และยูบีเอส เอจี ในราคาที่ค่อนข้างต่ำ โดยเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว GIC เข้าซื้อหุ้นมูลค่า 1.1 หมื่นล้านฟรังค์ในธนาคารยูบีเอส และในเดือนม.ค.ปีนี้ ได้เข้าซื้อหุ้นในซิตี้กรุ๊ปมูลค่า 6.9 พันล้านดอลลาร์
          "เรามองว่าการลงทุนในธนาคารยูบีเอสและซิตี้กรุ๊ปเป็นการลงทุนในระยะยาว และคาดว่าจะให้ผลตอบแทนงดงามเมื่อตลาดเริ่มมีเสถียรภาพและเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ภาวะปกติ นอกจากนี้ เราวางแผนที่จะซื้อหุ้นในธนาคารยูบีเอสเพิ่มขึ้น โดยเมื่อไม่นานมานี้เราได้เสนอซื้อหุ้นมูลค่า 1.5 ล้านฟรังค์หลังจากธนาคารยูบีเอสประกาศลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีอีก 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากขาดทุนในตลาดซับไพรม์" นายตันกล่าว
          ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า มีโอกาส 25% ที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากภาคการเงินของสหรัฐเผชิญวิกฤตการณ์รุนแรงสุดนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) ในช่วงค.ศ. 1930 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน