ธ.ก.ส. ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก สูงสุด 0.60% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% ต่อปี ตามมติคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาด และการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจไทย โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่ 1 เม.ย. 66
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่กนง. มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.50% มาอยู่ที่ 1.75% ต่อปี โดยให้มีทันทีนั้น ธ.ก.ส. จึงได้มีมติปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 0.05 - 0.60% ต่อปี เพื่อส่งเสริมการออม และเพิ่มผลตอบแทนให้ผู้ฝากได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% ต่อปี โดยมีผลตั้งแต่ 1 เม.ย. 66 เป็นต้นไป ประกอบด้วย
- อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายคนชั้นดี (MRR) จาก 6.625% ปรับขึ้นเป็น 6.875%
- อัตราดอกเบี้ยลูกค้าสถาบัน และนิติบุคคลชั้นดี (MLR) จาก 5.125% ปรับขึ้นเป็น 5.375%
- อัตราดอกเบี้ยประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) จาก 6.50% ปรับขึ้นเป็น 6.750%
นายฉัตรชัย กล่าวว่า เพื่อเป็นการแบ่งเบาและลดภาระของเกษตรกร ที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 และผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ ธ.ก.ส. ยังมีสินเชื่อในโครงการพิเศษต่าง ๆ ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าดอกเบี้ยปกติ เช่น สินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย อัตราดอกเบี้ย 0.01%, สินเชื่อ SME เสริมแกร่ง, สินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพ อัตราดอกเบี้ย 4% เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการในการดูแลและช่วยเหลือลูกค้าที่มีปัญหาหนี้สินแบบครบวงจร ประกอบด้วย มาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ มาตรการฟื้นฟูอาชีพ มาตรการจ่ายดอกตัดต้น มาตรการจ่ายต้นปรับงวด เพื่อลดความกังวลใจในเรื่องหนี้ การให้คำปรึกษาด้านการจัดการหนี้ ทั้งในและนอกระบบการสนับสนุนให้ลูกค้าบริหารจัดการหนี้ ผ่านแนวทาง "มีน้อยจ่ายน้อย มีมากจ่ายมาก" พร้อมสร้างแรงจูงใจให้แก่ผู้ที่ชำระหนี้ โดยคืนหรือลดอัตราดอกเบี้ย เป็นต้น
"ทั้งนี้ เพื่อให้เกษตรกรที่เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส. มีกำลังใจในการแก้ไขปัญหาหนี้ตนเอง ควบคู่กับการเติมสินเชื่อใหม่ ภายใต้อัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่ายและการลงทุน อันนำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน" ผู้จัดการ ธ.ก.ส. ระบุ