ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองสัปดาห์ถัดไป (3-7 เม.ย.) กรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 33.80-34.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค.ของไทย พัฒนาการปัญหาของแบงก์ในสหรัฐฯ และยุโรป ทิศทางเงินทุนต่างชาติและสกุลเงินเอเชีย ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี ISM/PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน และข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP เดือนมี.ค. ข้อมูลการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.พ. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม RBA และ RBNZ ตลอดจนดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนมี.ค. ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษ
ในวันศุกร์ที่ 31 มี.ค. 2566 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.16 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 34.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (24 มี.ค.)
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 3-7 เม.ย. 2566นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 1,985 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทยที่ 1,833 ล้านบาท (ซื้อสุทธิ 7,811 ล้านบาท ขณะที่มีตราสารหนี้หมดอายุ 5,978 ล้านบาท)