กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.90-34.65 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 34.18 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 34.02-34.42 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่ยกเว้นเงินเยนในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่นักลงทุนลดความกังวลเกี่ยวกับวิกฤติภาคธนาคาร และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยง เงินยูโรได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนที่สูงขึ้น แม้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในยูโรโซนชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว แต่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและเชื้อเพลิงลดลงได้ยาก และตลาดมองว่า ECB ต้องการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ทางด้านดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ของสหรัฐฯ ชะลอลงสู่ 4.6% ในเดือนก.พ. แต่ยังห่างจากเป้าหมายที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตั้งไว้ที่ 2%
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 1,985 ล้านบาท แต่มียอดซื้อพันธบัตรสุทธิ 1,815 ล้านบาท ตามลำดับ โดยในเดือนมี.ค.และไตรมาส 1/66 เงินบาทแข็งค่าขึ้น 3.3% และ 1.0% ตามลำดับ
สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจกับข้อมูล ISM ภาคการผลิตและภาคบริการ รวมถึงการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค. ของสหรัฐฯ เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยของเฟดท่ามกลางสัญญาณความเปราะบางที่ชัดเจนมากขึ้น จากการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นหลังกลุ่ม OPEC+ ประกาศร่วมมือลดกำลังการผลิต อาจทำให้ความวิตกด้านเงินเฟ้อกลับมารุมเร้าบรรยากาศการลงทุนอีกครั้ง
ส่วนปัจจัยในประเทศ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ขึ้นดอกเบี้ยด้วยเสียงเอกฉันท์ โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องและยังต้องติดตามความเสี่ยงเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ ขณะที่คาดว่าการส่งออกจะฟื้นตัวชัดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี
อย่างไรก็ดี กนง. ลดประมาณการจีดีพีปี 66 และ 67 ลงเล็กน้อยเป็นขยายตัว 3.6% และ 3.8% ตามลำดับ ขณะที่ปรับคาดการณ์การส่งออกปี 66 เป็นหดตัว 0.7% และคาดว่าปี 67 ส่งออกจะเติบโต 4.3%
อนึ่ง มติที่เป็นเอกฉันท์และท่าทีของทางการที่บ่งชี้ว่า ข้อมูลในเวลานี้เอื้อให้ปรับดอกเบี้ยขึ้นต่อไป แต่ กนง. เห็นว่าได้ดูแลความเสี่ยงในระดับหนึ่งแล้ว มองว่าความไม่แน่นอนที่สูงขึ้นของเศรษฐกิจโลกอาจทำให้กนง. ตัดสินใจพักดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.75% ในการประชุมวันที่ 31 พ.ค. ได้เช่นกัน