นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจ (MoU) ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุน แห่งสาธารณรัฐเกาหลี ฉบับใหม่ และได้อนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบาย เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับใหม่ของฝ่ายไทย
ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบาย เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ฉบับใหม่นี้ จะเป็นกรอบความร่วมมือในการส่งเสริมความสัมพันธ์ในด้านธุรกิจ และอุตสาหกรรมระหว่างไทยและเกาหลีใต้ ที่มุ่งสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ EEC ของไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ขอบเขตความร่วมมือ ทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมภาคเอกชนของทั้ง 2 ประเทศ เข้ามาแสวงหาโอกาสทางธุรกิจในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน และจะมีการแบ่งปันข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และมีความเป็นปัจจุบัน รวมถึงให้การสนับสนุนโดยตรงแก่บริษัทและโครงการต่าง ๆ
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมความร่วมมือในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ (automation and robotics) เกษตรกรรมขั้นสูง อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ ดิจิทัล การพัฒนาเมืองอัจฉริยะ เป็นต้น
2. บันทึกความร่วมมือดังกล่าว มีผลบังคับใช้ 3 ปี เมื่อทั้งสองฝ่ายมีการลงนาม
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา สกพอ. และ สนง.ส่งเสริมการค้าและการลงทุนสาธารณรัฐเกาหลี ได้มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิด และดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับเดิม ที่คณะคณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 19 พ.ย.62 โดยได้ใช้มาตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.62 และได้สิ้นสุดการบังคับใช้เมื่อวันที่ 24 พ.ย.65 ที่ผ่านมา ซึ่งได้สนับสนุนให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ EEC ของไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงด้วย