นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการใช้สิทธิภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2566 ผ่านบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จภายในวันที่ 26 มี.ค.66 (ผู้มีสิทธิฯ) ณ วันที่ 5 เม.ย.66 เวลา 13.00 น. มีมูลค่าการใช้สิทธิสะสมกว่า 2,644.60 ล้านบาท จากผู้มีสิทธิฯ กว่า 8.67 ล้านราย
โดยส่วนใหญ่ จะเป็นการใช้สิทธิในวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้าฯ, วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด และวงเงินรวมค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ ตามลำดับ
อย่างไรก็ดี ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.66 ซึ่งเป็นวันแรกที่มีการเริ่มใช้สิทธิ พบว่า ผู้มีสิทธิฯ บางส่วนที่ยืนยันตัวตนที่ธนาคารกรุงไทย (KTB) ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำเร็จแล้ว โดยเมื่อไปใช้สิทธิที่ร้านธงฟ้าฯ พบว่า ไม่สามารถจำรหัสส่วนบุคคล (Personal Identification Number: PIN) หรือต้องการเปลี่ยนแปลงรหัส PIN ที่เคยกำหนดไว้ในขั้นตอนการยืนยันตัวตน
ในกรณีดังกล่าว ผู้มีสิทธิฯ สามารถดำเนินการได้ ดังนี้
1. กรณีต้องการเปลี่ยนรหัส PIN ใหม่ สามารถดำเนินการได้ที่สาขาของธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธ.ก.ส. ได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.66 เป็นต้นไป โดยรหัส PIN ใหม่ จะต้องไม่ซ้ำกับรหัส PIN เดิมที่เคยกำหนด 10 ครั้งย้อนหลัง และต้องทำการยืนยันตัวตนทุกครั้งที่เปลี่ยนรหัส PIN ซึ่งจะสามารถใช้สิทธิได้ หลังจากกำหนดรหัส PIN ใหม่ ประมาณ 2 ชั่วโมง
2. กรณีกดรหัส PIN ตามที่เคยกำหนดไว้ในขั้นตอนการยืนยันตัวตนไม่ถูกต้อง 3 ครั้ง จะถูกระงับการใช้งาน (สำหรับสิทธิสวัสดิการที่ต้องใส่รหัส PIN) ซึ่งผู้มีสิทธิฯ สามารถติดต่อขอทำการยืนยันตัวตนกำหนดรหัส PIN ใหม่ โดยต้องดำเนินการตามข้อ 1
3. กรณีที่ดำเนินการยืนยันตัวตนแล้ว แต่มีการเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชน เนื่องจากบัตรประจำตัวประชาชนหมดอายุ หรือสูญหาย จะต้องอายัดสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐด้วยตนเองผ่านระบบโทรศัพท์อัตโนมัติ กับศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (Call Center) หมายเลขโทรศัพท์ 02 109 2345 ซึ่งเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย ตามวันและเวลาทำการของสาขาของธนาคารกรุงไทยฯ ในวันจันทร์ - วันศุกร์ ระหว่างเวลา 08.30 - 17.30 น. โดยผู้มีสิทธิฯ ต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนใบใหม่ ไปติดต่อขอทำการยืนยันตัวตนเพื่อกำหนด รหัส PIN ใหม่ โดยต้องดำเนินการตามข้อ 1
สำหรับความคืบหน้าของผู้ที่ผ่านเกณฑ์ตามโครงการฯ ที่ดำเนินการยืนยันตัวตนแล้ว โดยข้อมูล ณ วันที่ 5 เม.ย.66 เวลา 13.00 น. พบว่า มีผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนสำเร็จจำนวนทั้งสิ้น 12,978,844 ราย (คิดเป็น 88.91% ของจำนวนผู้ผ่านเกณฑ์ทั้งหมดจำนวน 14,596,820 ราย) และจำนวนผู้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ มีจำนวนทั้งสิ้น 1,228,976 ราย
สำหรับผู้ผ่านเกณฑ์ที่ไม่ได้ดำเนินการยืนยันตัวตนภายในวันที่ 26 มี.ค. 66 ยังคงสามารถยืนยันตัวตนได้ที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธ.ก.ส. ได้ตามวัน-เวลาที่ธนาคารกำหนด และสามารถเริ่มใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐได้ตามวันที่กระทรวงการคลังกำหนด ซึ่งในการยืนยันตัวตนผู้ผ่านเกณฑ์ จะต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์ (Smart Card) และต้องผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนกับธนาคารใดก็ได้ เนื่องจากการผูกบัญชีพร้อมเพย์ไว้ล่วงหน้า จะทำให้ผู้ได้รับสิทธิโครงการฯ สะดวกในการรับสิทธิสวัสดิการ หากภาครัฐมีการให้สวัสดิการเป็นเงินโอนเข้าบัญชีในอนาคต
ทั้งนี้ ผู้ผ่านเกณฑ์ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ เนื่องจากการตรวจสอบสถานะบัตรประจำตัวประชาชนไม่ผ่าน ซึ่งในกรณีนี้ขอให้ผู้ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลได้ ณ ที่ว่าการอำเภอหรือสำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร และหากตรวจสอบและแก้ไขสถานะบัตรประจำตัวประชาชนแล้ว ให้ดำเนินการยืนยันตัวตนอีกครั้ง
นอกจากนี้ การยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ อาจเกิดจากกรณีเปรียบเทียบใบหน้าไม่ผ่าน ซึ่งผู้ที่ยืนยันตัวตนไม่สำเร็จกรณีเปรียบเทียบใบหน้าไม่ผ่านขอให้ติดต่อธนาคารกรุงไทย เพื่อดำเนินการยืนยันตัวตนตามขั้นตอนของธนาคารกรุงไทยต่อไป
โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ ขอให้รีบดำเนินการยื่นขออุทธรณ์ภายในวันที่ 1 พ.ค.66 โดยดำเนินการผ่าน 2 ช่องทาง ดังนี้
1. ขออุทธรณ์ด้วยตนเองผ่านทางเว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th ได้ตั้งแต่เวลา 06.00-23.00 น. ของทุกวัน หรือ
2. ขออุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติ ผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธ.ก.ส. สำนักงานคลังจังหวัดทุกจังหวัด ที่ว่าการอำเภอทุกอำเภอ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร หรือศาลาว่าการเมืองพัทยา ตามวันและเวลาทำการของแต่ละหน่วยงาน โดยให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนเป็นผู้ดำเนินการยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาคุณสมบัติ ซึ่งผู้ไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ จะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานรับลงทะเบียนก่อนดำเนินการยื่นอุทธรณ์
ทั้งนี้ เมื่อผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติได้ทำการยื่นขออุทธรณ์ตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว ขอให้ไปติดต่อเพื่อขอตรวจสอบและ/หรือขอปรับปรุงแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง ได้ที่หน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติที่ผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาด้วยตนเอง หรือเป็นไปตามเงื่อนไขที่หน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติกำหนด โดยจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 1 พ.ค.66