นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้สั่งการในการประชุมคณะรัฐมนตรี ให้กระทรวงคมนาคมกำกับดูแลอัตราค่าโดยสารอากาศยานภายในประเทศให้มีการแข่งขันที่เป็นธรรมและสายการบินกำหนดอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสมนั้น
กระทรวงคมนาคมได้รายงานสถานการณ์ราคาบัตรโดยสารอากาศยานภายในประเทศว่า ความต้องการการเดินทางทางอากาศกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 ซึ่งเป็นช่วง High Season ของการท่องเที่ยว โดยปริมาณผู้โดยสารภายในประเทศเพิ่มขึ้นถึง 85% และผู้โดยสารระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 53.89% ในขณะที่สายการบินไม่สามารถเพิ่มจำนวนที่นั่งได้ทันต่อความต้องการ เนื่องจากทุกสายการบินมีการลดขนาดฝูงบินเพื่อรักษากระแสเงินสดในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ประกอบกับปัจจุบันสายการบินทั่วโลกเร่งจัดหาอากาศยานพร้อมกัน ทำให้เกิดการแข่งขันในการจัดหาอากาศยานเพื่อให้บริการ
นอกจากนี้ ราคาบัตรโดยสารการบินจะมีความแตกต่างกันตามช่วงเวลาที่ทำการซื้อ ดังนั้น หากผู้โดยสารทำการวางแผนการเดินทางล่วงหน้าจะสามารถซื้อบัตรโดยสารได้ในราคาถูก แต่ที่ผ่านมาผู้โดยสารมีพฤติกรรมในการจองบัตรโดยสารในช่วงใกล้วันเดินทางมากขึ้น ส่งผลให้ต้องซื้อบัตรโดยสารที่มีราคาแพงกว่าการจองล่วงหน้า
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล จึงมีแนวทางการกำกับดูแลอัตราค่าโดยสารให้เกิดความเป็นธรรมทั้งกับผู้โดยสารและสายการบิน ดังนี้
1. สนับสนุนสายการบินในการเร่งเพิ่มจำนวนที่นั่งให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาค่าโดยสารภาพรวมลดลงได้ โดยดำเนินการ ดังนี้
(1) การเพิ่มจำนวนอากาศยานซึ่งในปัจจุบันสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยได้พิจารณาอนุญาตให้สายการบินเพิ่มจำนวนอากาศยาน ได้แก่ สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ ได้รับอนุญาตให้เพิ่มจำนวนอากาศยานแล้ว 7 ลำ สายการบินไทยเวียตเจ็ทแอร์อยู่ระหว่างการขออนุญาตเพิ่มอากาศยาน 3 ลำ การบินไทยขออนุญาตเพิ่มอากาศยาน 6 ลำและไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ขออนุญาตเพิ่มอากาศยาน 2 ลำ
(2) ให้สายการบินกลับมาใช้ Slot เดิมที่หยุดทำการบินในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เพื่อเพิ่มจำนวนเที่ยวบินให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้โดยสาร
(3) ประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารวางแผนการเดินทางล่วงหน้า โดยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ได้แก่ เว็บไซต์และ Facebook ของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจ กลไกการกำหนดราคาค่าโดยสารของสายการบิน โดยมีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนสามารถวางแผนการเดินทางล่วงหน้าเพื่อให้ได้บัตรโดยสารในราคาที่เหมาะสม
2. ทบทวนหลักเกณฑ์การกำกับดูแลค่าโดยสารเส้นทางภายในประเทศให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและส่งเสริมการแข่งขันตามกลไกตลาด ที่ผ่านมาสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยได้เริ่มดำเนินการโดยการจัดประชุมหารือกับผู้แทนสายการบิน และจัดประชุมเชิงปฏิบัติการกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อรวบรวมปัญหาและข้อเสนอแนะสำหรับการดำเนินการทบทวนหลักเกณฑ์การกำกับดูแลค่าโดยสารที่เหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยได้มีการติดตามตรวจสอบราคาค่าโดยสารอย่างต่อเนื่อง โดยจัดทำรายงานค่าบัตรโดยสารเป็นรายไตรมาส ซึ่งมีการเผยแพร่บนเว็บไซต์ของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (www.caat.or.th) รวมทั้งมีการสุ่มตรวจราคาค่าบัตรโดยสารในช่วงที่มีความต้องการเดินทางสูงเพื่อตรวจสอบไม่ให้สายการบินจำหน่ายบัตรโดยสารในราคาที่เกินกว่าอัตราเพดานที่กำหนด
"นายกรัฐมนตรีติดตามปัญหาราคาบัตรโดยสารเครื่องบิน โดยเฉพาะสายการบินต้นทุนต่ำที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้นมาก จึงได้สั่งการในการประชุม ครม. ให้กระทรวงคมนาคมกำกับดูแลอัตราค่าโดยสารอากาศยานภายในประเทศ ให้มีการแข่งขันที่เป็นธรรมและสายการบินกำหนดอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม โดยนายกรัฐมนตรีรับทราบรายงานสถานการณ์ราคาบัตรโดยสารอากาศยานภายในประเทศและแนวทางการกำกับดูแลอัตราค่าโดยสาร ดังกล่าว พร้อมกำชับให้กระทรวงคมนาคมติดตามการพิจารณาของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ในส่วนการกำกับดูแลอัตราค่าโดยสารอากาศยานภายในประเทศ ให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้บริโภคอย่างใกล้ชิดต่อไป" นายอนุชา กล่าว