นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แสดงความเห็นในภาพรวมต่อนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ ว่า สิ่งที่ ธปท. คำนึงถึงคือ การทำนโยบายจะต้องไม่กระทบเสถียรภาพใน 4 ด้านสำคัญ คือ เสถียรภาพด้านราคา, เสถียรภาพค่าเงิน, เสถียรภาพการคลัง และเสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน รวมทั้งควรเป็นนโยบายที่ตรงจุดและเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย ไม่เหวี่ยงแห เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงตามมาจากการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นๆ
ทั้งนี้ มองว่าเศรษฐกิจในปัจจุบันเริ่มฟื้นตัว ดังนั้นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอาจมีความจำเป็นน้อยลง ความสำคัญของการทำนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองขณะนี้ โจทย์ใหญ่คงไม่ใช่เพียงแค่การกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นเท่านั้น แต่ต้องช่วยสร้างศักยภาพการเติบโตให้แก่เศรษฐกิจในระยะยาว เช่น การมีนโยบายด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะช่วยเอื้อต่อการเติบโตเศรษฐกิจของประเทศในอนาคตได้อย่างยั่งยืนมากกว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น
"ตอนนี้โจทย์ไม่น่าจะอยู่ที่การกระตุ้นเศรษฐกิจ ความสำคัญคือ อย่าไปทำอะไรที่บั่นทอนเสถียรภาพ และที่น่าจะสำคัญกว่าการกระตุ้นระยะสั้นคือ การสร้างศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว เรื่องโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยเอื้อเศรษฐกิจในอนาคต ช่วยให้เติบโตในโลกใหม่ได้อย่างยั่งยืน มากกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น" ผู้ว่าฯ ธปท. กล่าว
พร้อมระบุว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของพรรคการเมืองที่ผ่านมาในหลายยุคหลายสมัยนั้น ในท้ายสุดแล้วก็ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงระยะสั้นๆ แถมบางนโยบายยังทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมา เช่น หนี้สูงขึ้น ดังนั้น การออกนโยบายจะต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน มองผลที่จะเกิดขึ้นทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ตลอดจนค่าเสียโอกาสในการนำทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดไปใช้ให้เกิดความคุ้มค่าด้วย
"นโยบายประชานิยม เช่น การดูแลประชาชนตั้งแต่วัยเด็กถึงวัยชรา ซึ่งเป็นนโยบายที่ทุกคนได้รับประโยชน์นั้น อาจจะทำให้เงินไม่ได้ไหลไปในที่ที่ควรจะไป เป็นการเอางบประมาณที่มีอยู่จำกัดไปให้คนรวย ดังนั้นควรทำนโยบายให้กับคนที่ขาดจริงๆ ซึ่งจะเห็นผลที่มากกว่า เช่น บัตรคนจน ซึ่งเงินจะลงไปช่วยเหลือได้ตรงจุดมากกว่าการใช้นโยบายแบบเหวี่ยงแห" ผู้ว่าฯ ธปท. ระบุ