ภาวะตลาดเงินบาท: เงินบาทเปิด 34.15 ตลาดเก็งเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% คาดกรอบวันนี้ 34.10-34.30

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday May 2, 2023 09:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 34.15 บาท/ดอลลาร์ อ่อน ค่าจากเย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาด 34.10 บาท/ดอลลาร์

เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าลงจากเย็นวันศุกร์ ขณะที่เมื่อคืนที่ผ่านมาตัวเลขดัชนีภาคการผลิตเดือนเม.ย.ของสหรัฐ ออกมาดีกว่า ที่ตลาดคาดการณ์ไว้ จึงทำให้ตลาดเชื่อว่าในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) รอบ นี้จะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25%

ขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น จึงทำให้วันนี้ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงิน อื่นๆ ในภูมิภาค

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.10-34.30 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (28 เม.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.75203% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.89142%

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 137.40 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 135.66 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0988 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.0987 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 34.133 บาท
  • ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์
(1 พ.ค.) เนื่องจากดัชนีการผลิตเดือนเม.ย.ที่ดีกว่าคาด อีกทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีพุ่งขึ้น 0.1499% ในวันจันทร์ ซึ่งหนุน
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น
  • ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการ
ประชุมวันที่ 2-3 พ.ค.นี้
  • สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 47.1 ในเดือนเม.
ย. จากระดับ 46.3 ในเดือนมี.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 46.8
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (1 พ.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้ง
การคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค.นี้
  • นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เตือนว่า สหรัฐอาจจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ภายในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ซึ่งเร็ว
กว่าที่รัฐบาลและนักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้
  • กระทรวงการคลังสหรัฐ เปิดเผยว่า กระทรวงฯ อาจไม่มีเงินที่จะชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐบาลอย่างเร็วที่สุดในเดือน
มิ.ย.นี้ หากไม่มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ซึ่งกระตุ้นให้ปธน.ไบเดนเรียกประชุมผู้นำสภา รวมถึงนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทน
ราษฎรสหรัฐจากพรรครีพับลิกันในวันที่ 9 พ.ค.นี้
  • เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ตกลงเข้าซื้อกิจการธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ เป็นที่เรียบร้อย ส่งผลให้เจพีมอร์แกน
ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐมีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้นไปอีก นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจพีมอร์แกน กล่าวว่า ความแข็ง
แกร่งทางการเงิน ศักยภาพ และรูปแบบธุรกิจของเจพีมอร์แกน ทำให้สามารถยื่นข้อเสนอซื้อในลักษณะที่ช่วยบรรเทาความเสียหายที่มีต่อ
บรรษัทรับประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรง
งาน (JOLTS) เดือนมี.ค., ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนเม.ย.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้าย
เดือนเม.ย, ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานราย
สัปดาห์, ยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนมี.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย.

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ