นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 งบกลางวงเงิน 10,464 ล้านบาท สำหรับดำเนินมาตรการในช่วงเดือน พ.ค.-ส.ค.66 เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงาน โดยให้ส่วนลดไฟฟ้าแบบขั้นบันไดแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน และส่วนลดค่าไฟฟ้าสำหรับงวดเดือนพ.ค.66 จำนวน 150 บาทต่อรายสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วย/เดือน เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน
โดยมีแผนปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ขอรับจัดสรร ดังนี้
1. มาตรการช่วยเหลือในส่วนของการให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าแบบขั้นบันได เป็นเวลา 4 เดือน สำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนพ.ค.-ส.ค.66 โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้า ก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) วงเงิน 6,954 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- ผู้ใช้ไฟบ้าน 1-150 หน่วย ส่วนลดค่าไฟฟ้า 89.80 สต./หน่วย ผลต่างค่า Ft เรียกเก็บและส่วนลด 1.39 สต./หน่วย
- ผู้ใช้ไฟบ้าน 151-300 หน่วย ส่วนลดค่าไฟฟ้า 64.80 สต./หน่วย ผลต่างค่า Ft เรียกเก็บและส่วนลด 26.39 สต./หน่วย
งบประมาณที่ใช้สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ 6,954 ล้านบาท (1,738.50 ล้านบาทต่อเดือน) ผู้ใช้ไฟฟ้าได้รับประโยชน์ 18.32 ล้านราย เท่ากับ 78.42% ของบ้านอยู่อาศัยทั้งหมด
2. มาตรการช่วยเหลือประชาชนระยะเร่งด่วน ในส่วนของค่าไฟฟ้า
การลดค่าไฟฟ้าในรอบบิลเดือนพ.ค. 66 จำนวน 150 บาท/ราย ประมาณ 23.40 ล้านราย ใช้วงเงินงบประมาณรวมในกรอบไม่เกิน 3,510 ล้านบาท โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม
ทั้งนี้ แยกเป็น การแบ่งสัดส่วนการขอจัดสรรงบประมาณสำหรับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือจำนวน 35.70 ล้านบาท และการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 10,428.30 ล้านบาท
นายอนุชา กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี จะได้นำเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาให้ความเห็นชอบการใช้งบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 169(3) กำหนดต่อไป โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ทันในเดือนพ.ค.นี้
"วันนี้ เป็นการปรับลดวงเงินงบประมาณที่จะใช้ลงเหลือ 10,464 ล้านบาท จากที่เคยอนุมัติไปเมื่อสัปดาห์ก่อน เนื่องจาก กกพ.มีการปรับลดค่าไฟฟ้างวดเดือนพ.ค.-ส.ค.66 ลงจาก 4.77 บาท เหลือ 4.70 บาท...จะใช้งบสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยต้องให้ กกต.เห็นชอบก่อน เพื่อเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดเรื่องการอนุมติงบช่วงนี้ คาดว่าจะทำได้ทันพ.ค." นายอนุชา ระบุ