ภาคเอกชนหวังสถานการณ์ทางการเมืองหลังเลือกตั้งมีเสถียรภาพ กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลและเลือกนายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการไปได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุดเป็นไปตามไทม์ไลน์ เชื่อว่า ส.ว.จะให้การสนับสนุน เพราะหากเสียงมากกว่านี้จะเกิดปัญหาเผด็จการทางรัฐสภา
นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลไม่น่าจะมีปัญหา เพราะขณะนี้แกนนำสามารถรวบรวมได้แล้ว 310 เสียง ซึ่งน่าจะเพียงพอและเหมาะสม เชื่อว่า ส.ว.จะให้การสนับสนุน หากเสียงมากกว่านี้จะเกิดปัญหาเผด็จการทางรัฐสภา กลไกในการตรวจสอบไม่ได้ ทุกอย่างน่าจะเป็นไปตามไทม์ไลน์เลือกนายกรัฐมนตรี ได้ในเดือนสิงหาคม
สำหรับนโยบายในเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้น นายวิวรรธน์ กล่าวว่า อยากให้มีการพิจารณาในเชิงเศรษฐกิจและสังคมไปพร้อมๆ กัน โดยให้ผู้ประกอบการมีผลิตภาพเพิ่มขึ้น และแรงงานมีรายได้เพียงพอต่อค่าครองชีพ ส่วนการใช้จ่ายงบเพื่อดำเนินนโยบายประชานิยมควรที่จะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตและเพิ่มขีดสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งหากมีการพิจารณาตามกระบวนการไตรภาคีก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
"นโยบายประชานิยมควรมีความพอดีในเรื่องการปรับสมดุลย์ในการใช้จ่ายงบประมาณ และต้องมีการหารายได้เพิ่ม" นายวิวรรธน์ กล่าว
ขณะที่ นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้นควรพิจารณาไปตามความสามารถ (Pay by Skill) ซึ่งในสถานประกอบการบางแห่งจะมีค่าจ้างที่สูงกว่าอัตราค่าแรงขั้นต่ำมาก และการพิจารณาปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำควรดูเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศด้วย ซึ่งมีคณะกรรมการไตรภาคีเป็นกลไกดูแลให้เกิดความสมดุลยืเรื่องการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและค่าครองชีพ
"การจ่ายค่าแรงขั้นต่ำนั้นควรพิจารณาถึงเศรษฐกิจมหภาคด้วย โดยเฉพาะกรณีเป็นการจ้างแรงงานต่างด้าว ที่จะส่งรายได้ครึ่งหนึ่งกลับประเทศ ทำให้เม็ดเงินที่จะเข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจหายไป" นายมนตรี กล่าว
ขณะที่ ส.อ.ท.อยู่ระหว่างการจัดทำโพสิชั่นเปเปอร์ที่จะส่งมอบให้รัฐบาล ซึ่งจะเป็นข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจ เช่น การเร่งเจรจาข้อตกลงทางการค้าเสรีกับกลุ่มตะวันออกกลางและอเมริกาใต้, การแก้ปัญหาราคาพลังงาน, การสานต่อนโยบาย BCG , การเร่งช่วยเหลือ SMEs ให้เข้าถึงนวัตกรรมและแหล่งทุน, การพัฒนาระบบโลจิสติกส์เพื่อลดต้นทุนการผลิต
การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้นจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการรรายย่อย ส่วนรายใหญ่จะหันไปใช้เครื่องจักรมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการจ้างงาน ซึ่งคาดว่าภาคเอกชนจะได้หารือเพื่อทำความเข้าใจกับรัฐบาล เพราะนโยบายที่นำมาใช้หาเสียงอาจมีข้อมูลไม่ครบถ้วน เพราะมีเวลาจำกัด ขอยืนยันว่าภาคเอกชนไม่ได้คัดค้านการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แต่อยากให้มีการปรับตามความสามารถ
"ต้องมั่นใจว่าขึ้นค่าแรงแล้วเป็นการเพิ่มกำลังการซื้อ เพราะแค่มีข่าวราคาสินค้าก็ปรับขึ้นไปรอแล้ว" นายมนตรี กล่าว
สำหรับการทำงานร่วมกับรัฐบาลใหม่นั้น ส.อ.ท.พร้อมที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลทุกชุด เพราะวางตัวเป็นกลาง ซึ่งเชื่อว่ากระบวนการต่างๆ จะเป็นไปไทม์ไลน์ที่กำหนดไว้ แต่สิ่งที่ภาคเอกชนเป็นห่วงคือ การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้า ซึ่งรัฐบาลใหม่จะต้องเข้ามาเร่งรัดงบปี 67 และเตรียมจัดทำงบปี 68