น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ได้ผลักดันโครงการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC อย่างจริงจัง เพิ่มขีดความสามารถด้านภาคการผลิตและภาคบริการ บนฐานของเทคโนโลยีสมัยใหม่ และนวัตกรรมเชื่อมโยงไทยสู่ภูมิภาคน ส่งผลให้ดึงดูดนักลงทุนและเม็ดเงินมูลค่ามหาศาล ล่าสุดมีความคืบหน้าจากคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่าในช่วง 4 เดือนแรกปี 2566 (มกราคม-เมษายน)มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 43 ราย คิดเป็น 20% ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด 217 ราย โดยมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 7,521 ล้านบาท คิดเป็น 19% ของเงินลงทุนทั้งหมด 38,702 ล้านบาท
สำหรับเป็นนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนประกอบด้วย นักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 17 ราย ลงทุน 2,816 ล้านบาท จีน 8 ราย ลงทุน 725 ล้านบาท ฮ่องกง 3 ราย ลงทุน 2,920 ล้านบาท และประเทศอื่นๆ อีก 15 ราย ลงทุน 1,058 ล้านบาท ทั้งนี้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ยังได้ตั้งทีมปฏิบัติการเชิงรุกได้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ "Better and Green Thailand 2030" เพื่อผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในระยะ 10 ปีข้างหน้า โดยมีเป้าหมายดึงดูดการลงทุนมากกว่า 2 ล้านล้านบาท สร้างตำแหน่งงานใหม่ 625,000 อัตรา และเพิ่มจีดีพีของประเทศอีก 1.7 ล้านล้านบาท
"ถือเป็นที่เป็นรูปธรรมของพล.อ.ประยุทธ์ดึงดูดเม็ดเงินเข้าประเทศ และเกิดการจ้างงาน กระจายรายได้ไปสู่พื้นที่ภาคตะวันออก พื้นที่ใกล้เคียงและภูมิภาค ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยให้เติบโต และวางรากฐานเศรษฐกิจที่ยั่งยืน เพื่อการพัฒนาประเทศที่ให้มั่นคงมั่งคั่งในอนาคต"น.ส.ทิพานัน กล่าว