นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า ภาพรวมการจัดเก็บรายได้ของกรมธนารักษ์ ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 (ต.ค.65-เม.ย.66) อยู่ที่ 7,500 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้กรมฯ พยายามเร่งรัดในการจัดเก็บรายได้ เชื่อว่าไม่น่าเป็นห่วง โดยคาดว่าทั้งปีงบประมาณ 2566 จะสามารถจัดเก็บได้ตามเป้าหมายที่ 8,900 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้น มาจากรายได้จากการให้เช่าที่ราชพัสดุสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ เช่น บมจ. ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) หรือ AOT และ บมจ. โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) เป็นต้น
ทั้งนี้ รายได้ส่วนใหญ่ของกรมธนารักษ์ ประมาณ 80% มาจากรายได้จากค่าเช่าที่ราชพัสดุสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ รองลงมาเป็นรายได้จากค่าธรรมเนียม รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกยึด และรายได้จากค่าเช่าที่ราชพัสดุสำหรับการเกษตร ซึ่งคิดเป็นจำนวนที่น้อยมาก และในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ก็แทบจะไม่มีการจัดเก็บรายได้ในส่วนนี้เลย
"ค่าเช่าที่ราชพัสดุสำหรับประชาชน ทั้งที่เป็นที่ดินเพื่อการเกษตร และที่อยู่อาศัย กรมฯ จะไม่เข้าไปแตะต้องเลย เราจะคงอัตราไว้อย่างเดิม แต่ในส่วนของค่าเช่าที่ราชพัสดุสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ จะมีการเร่งรัดการจัดเก็บ โดยขณะนี้ยังไม่ได้เพิ่มอัตราการจัดเก็บ เพราะตอนนี้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจดีขึ้น ทุกบริษัทก็มีการชำระค่าเช่าที่ตามกำหนดเวลา ดังนั้นในส่วนนี้จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การจัดเก็บรายได้ของกรมฯ ในปีงบประมาณ 2566 จะเป็นไปตามเป้าหมายอย่างแน่นอน" นายจำเริญ กล่าว