นายจอห์น เธน ซีอีโอวาณิชธนกิจเมอร์ริล ลินช์ แอนด์ โค กล่าวว่า เขาไม่มีแผนที่จะลาออกจากเมอร์ริล ลินช์และทำงานกับทำเนียบขาว หากนายจอห์น แมคแคน ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ
นายเธน ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการด้านจัดหาเงินทุนของนายแมคเคน กล่าวในที่ประชุมประจำปีของเมอร์ริล ลินช์ว่า เขาไม่คิดที่จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือตำแหน่งใดๆที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจในทำเนียบขาว แม้ก่อนหน้านี้ซีอีโอหลายคนของวาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ในตลาดวอลล์สตรีท ตบเท้าเข้าทำงานในทำเนียบขาวกัน ซึ่งรวมถึงนายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐ ซึ่งเป็นอดีตซีอีโอของโกลด์แมน แซคส์
เมอร์ริล ลินช์ ทาบทามนายเธนให้เข้ามาบริหารบริษัทเมื่อปีที่แล้ว หลังจากนายสแตน โอนีล ประกาศลาออกเพื่อรับผิดชอบที่เมอร์ริล ลินช์ ขาดทุนอย่างหนักเนื่องจากวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อ โดยนายเธนให้คำมั่นว่าจะทำให้งบดุลของเมอร์ริล ลินช์ กลับมามีกำไร และจะพยายามตัดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเมอร์ริล ลินช์ ประกาศลดจำนวนพนักงานอีก 3,000 ตำแหน่ง หลังจากบริษัทต้องปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีลงกว่า 6.5 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากการขาดทุนอย่างหนักในไตรมาสแรก
อย่างไรก็ตาม แม้เมอร์ริล ลินช์ขาดทุนในไตรมาสแรก แต่นายเธนได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่ว่าเมอร์ริล ลินช์เตรียมระดมทุนเพื่อเสริมสภาพคล่องด้วยการขายหุ้น 20% ที่ถืออยู่ในบลูมเบิร์ก แอลพี
"เราไม่เคยคิดขายหุ้นเพื่อระดมทุนในระยะนี้ ผมเชื่อเหมือนกับซีอีโอของวาณิชธนกิจรายอื่นๆที่ว่า วิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อจะคลี่คลายลง แม้ขณะนี้ปัญหาในตลาดจะยังไม่ได้รับการแก้ไขให้หมดไปก็ตาม" นายเธนกล่าว
นอกจากนี้ นายเธนไม่ได้เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2551 กล่าวแต่เพียงว่า ธุรกิจการเงินของเมอร์ริล ลินช์ อาจจะประสบความยากลำบากตามสภาพตลาดในเวลานี้
"เมื่อผมมองภาพรวมของเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2551 ผมมองว่ามีความท้าทายรออยู่ข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นราคาบ้านที่ร่วงลง ราคาพลังงานและอาหารที่พุ่งสูงขึ้น และอัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนแล้วแต่จะกดดันเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลง" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--