น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับทราบถึงข้อกังวลของประชาชนและภาคธุรกิจต่อกรณีที่ขณะนี้มีข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตร จะสิ้นสุดในวันที่ 20 ก.ค. 66 โดยมีความกังวลว่า ระยะเวลาดังกล่าวอาจจะยังไม่มีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศและตัดสินใจเกี่ยวกับมาตรการ จะทำให้ราคาน้ำมันดีเซลปรับขึ้นทันที 5 บาทต่อลิตร จนกระทบต่อค่าครองชีพและเศรษฐกิจในภาพรวม
นายกรัฐมนตรี ขอให้ประชาชนอย่าเพิ่งวิตกกังวล โดยมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลครั้งล่าสุด(ครั้งที่ 7) ที่รัฐบาลได้อนุมัติให้ดำเนินการเพิ่งเริ่มมีผลเมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมาและจะไปสิ้นสุดในวันที่ 20 ก.ค. 66 หรือเหลือเวลาอีก 2 เดือนจึงจะสิ้นสุดมาตรการ ยังมีเวลาที่รัฐบาลจะพิจารณาแนวทางต่างๆ มารองรับเพื่อให้ผลกระทบเกิดกับประชาชนน้อยที่สุด
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเห็นว่าตามความเหมาะสมแล้วมาตรการที่ต้องใช้จ่ายงบประมาณ หรือทำให้รัฐสูญเสียรายได้อย่างมีนัยสำคัญนั้น ควรต้องให้รัฐบาลใหม่ได้พิจารณา แต่รัฐบาลรักษาการโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ต้องดูสถานการณ์แต่ละช่วงเวลาว่าควรต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อสามารถดูแลผลกระทบให้เกิดกับประชาชนน้อยที่สุด ไม่เป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว และเป็นไปตามกฎหมาย
"นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังหารือกับกระทรวงพลังงาน เพื่อวางแนวทางรองรับกับมาตรการที่จะสิ้นสุดในปลายเดือน ก.ค. โดยให้พิจารณาปัจจัยต่างๆประกอบกัน เช่น สถานการณ์และแนวโน้มราคาน้ำมันโลก ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงเปลี่ยนผ่านนโยบาย แนวทางไหนดำเนินการได้โดยอำนาจของหน่วยงาน หรือส่วนใดที่ต้องหารือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้จัดทำแนวทางเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป" น.ส.ไตรศุลี กล่าว
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า มาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ราคาผู้บริโภคในหมวดเชื้อเพลิงและการเดินทางปรับตัวลดลง ซึ่งคลังยอมสูญเสียรายได้เพื่อเข้าไปช่วยเหลือภาคขนส่งและประชาชนในภาวะที่ราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูง แต่หลังจากนี้ต้องติดตามสถานการณ์ว่าราคาน้ำมันจะปรับลดลงไปขนาดไหน และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะสามารถบริหารจัดการเองได้ เพราะกองทุนฯ ก็มีกรอบวงเงินกู้อยู่แล้ว ขณะเดียวกันก็ต้องไปดูกฎ กติกาของรัฐธรรมนูญด้วยว่ารัฐบาลรักษาการสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง เพราะหากจะมีการดำเนินการเกี่ยวกับงบประมาณ จะต้องไปที่ กกต. เพราะจะมีผลผูกพันกับรัฐบาลต่อไป โดยทั้งหมดขอดูสถานการณ์ก่อนค่อยมาพิจารณาดูกันอีกครั้ง
"ตอนนี้คงยังตอบไม่ได้ว่าจะดำเนินการอย่างไร ขอให้ใกล้เวลาอีกนิดหนึ่ง และต้องดูสถานการณ์ราคาน้ำมันประกอบด้วย ส่วนฐานะกองทุนน้ำมันก็ดีขึ้น เพราะราคาน้ำมันลดลง สามารถเก็บเงินเข้ากองทุนได้ และราคาน้ำมันที่ลดลงก็อยู่บนพื้นฐานที่คลังลดภาษีให้ 5 บาท ขณะเดียวกันก็ต้องไปดูกฎ กติกาของรัฐธรรมนูญด้วยว่ารัฐบาลรักษาการสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง เพราะหากจะมีการดำเนินการเกี่ยวกับงบประมาณ จะต้องไปที่ กกต. เพราะจะมีผลผูกพันกับรัฐบาลต่อไป " นายอาคม กล่าว