นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 3 พ.ค.66 ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน ซึ้งมีมติเห็นชอบดำเนินโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกินปี 2566 และโครงการประกันรายได้ เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี 2565-2566 โดยคาดการณ์ว่า ปริมาณน้ำมันดิบที่ผลิตอาจได้มากกว่าความต้องการใช้ในแต่ละเดือน เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศยังไม่กลับสู่สภาวะปกติ อาจส่งผลต่อเสถียรภาพของราคาและกระทบต่อรายได้
สำหรับโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกินในประเทศปี 2566 ให้เข้าสู่ระดับสมดุล และยกระดับราคาปาล์มทะลายที่เกษตรกรขายให้สูงขึ้น ด้วยการสนับสนุนค่าบริหารจัดการการส่งออกเฉพาะปาล์มน้ำมันดิบ 150,000 ตัน เช่น ค่าขนส่ง ค่าคลังจัดเก็บ และค่าปรับปรุง โดยมีเงื่อนไขการสนับสนุนค่าบริหารจัดการส่งออก เมื่อระดับสต็อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่า 300,000 ตัน และราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่าราคาตลาดโลก ทั้งนี้ เพื่อให้การบริหารจัดการมีความยืดหยุ่นและทันต่อเหตุการณ์ เห็นควรกำหนดให้เงื่อนไขระดับสต็อกน้ำมันปาล์มดิบขั้นต่ำไว้ที่ 250,000 ตัน และให้ กนป.เป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณา
โดยใช้งบประมาณและแหล่งงบประมาณ 309 ล้านบาท (งบกลางฯ) แบ่งเป็น ค่าบริหารจัดการให้แก่ผู้ส่งออกตามโครงการ ปริมาณ 150,000 ตัน อัตรากิโลกรัมละ 2 บาท รวมเป็น 300 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของส่วนราชการ 9 ล้านบาท (ไม่เกิน 3% ของวงเงินดำเนินการ) ระยะเวลาส่งออกตั้งแต่ได้รับการอนุมัติ-เดือน ก.ย.66 ส่วนระยะเวลาโครงการตั้งแต่ได้รับการอนุมัติ-เดือน ธ.ค.66
ส่วนโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี 2565-2566 เพื่อช่วยเหลือด้านรายได้ของเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน และบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรจากปัญหาผลผลิตล้นตลาด และราคาผลผลิตในประเทศตกต่ำผ่านการประกันราคาปาล์มน้ำมัน (ผลปาล์มทะลาย อัตราน้ำมัน 18%) ราคา กก.ละ 4 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ และต้องเป็นพื้นที่ปลูกต้นปาล์มที่ให้ผลผลิตแล้ว โดยจะจ่ายเงินชดเชย ส่วนต่างระหว่างราคาเป้าหมายกับราคาตลาดอ้างอิงให้แก่เกษตรกรทุก 30 วัน ซึ่งต้องใช้งบประมาณ 3,133.17 ล้านบาท โดย ธ.ก.ส.สำรองจ่ายจากแหล่งเงินทุนของ ธ.ก.ส. และขอรับจัดสรรงบฯ ประจำปี เพื่อให้รัฐบาลชำระคืนตามที่เกิดขึ้นจริง แบ่งเป็น วงเงินชดเชยส่วนต่างรายได้ 3,075.00 ล้านบาท และวงเงินบริหารจัดการของ ธ.ก.ส. 58.17 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาการจ่ายเงินเดือน ก.ย.65-ส.ค.66
ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อกระทำการใดซึ่งจะมีผลต่อการเลือกตั้ง พ.ศ.2563 รวมถึงพิจารณากรอบวงเงินงบฯ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 ด้วย
นอกจากนี้ ที่ประชุม กปน.ยังหารือถึงแนวทางการจัดทำโครงสร้างราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม เพราะเดิมราคาปาล์มน้ำมันยังไม่มีการกำหนดโครงสร้างราคาที่แน่นอน ใช้อ้างอิงจากราคาของความต้องการในตลาด (Demand-Supply) ซึ่งมีความผันผวนไม่แน่นอน ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของราคาน้ำมันปาล์มและรายได้ของเกษตรกร จึงมอบหมายให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวตกรรม และ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) สนับสนุนทุนเพื่อศึกษาสมการโครงสร้างราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้ง พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน รวมทั้งให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ยกร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานร่วมภาครัฐ เอกชน และเกษตรกรในจำนวนที่เท่าเทียมกัน เสนอให้ประธาน กนป.พิจารณา