ผู้ส่งออกเชื่อสถานการณ์ราคาข้าวในตลาดโลกที่ถีบตัวสูงขึ้นอย่างมากเป็นภาวะที่ผิดปกติ โดยเฉพาะล่าสุดราคาประมูลขายข้าวให้ฟิลิปปินส์ดันราคาข้าวขาว 25% พุ่งทะลุ 1,000 เหรียญ/ตันสร้างความปั่นป่วนอย่างมากในตลาด เชื่อคงส่งผลด้านจิตวิทยาในระยะสั้นเท่านั้น แนวโน้มราคาน่าจะปรับลงช่วงข้าวนาปรังและนาปีเริ่มออกสู่ตลาดกลางปีนี้ แต่ยอมรับไม่เห็นราคาหลักพันแล้ว น่าจะทรงตัวสูงเหนือ 1 หมื่นบาท/ตัน ชาวนาเตือนรัฐเร่งจัดระบบชลประทานรับมือคนตื่นราคาแห่ปลูกข้าวทั่วประเทศ
"ราคาข้าวที่สูงอยู่เป็นราคาลวงโลกกัน ทำให้ราคาข้าวปั่นป่วน คนที่ไปบ้าจี้ตามจะเจ๊งทั้งระบบ เพราะวอลุ่มแค่นิดเดียว(ปริมาณข้าวที่ไทยยื่นประมูลจากฟิลิปปินส์) คงมีผลช่วงสั้นๆ ทำให้ตกใจช่วง 3-4 วัน" นายสมพงษ์ กิติเรียงลาภ ประธานบริษัท พงษ์ลาภ จำกัด กล่าวกับ "อินโฟเควสท์"
นายสมพงษ์ ไม่เชื่อว่า ราคาที่เสนอในการประมูลข้าวฟิลิปปินส์จะเป็นราคาที่นำมาใช้อ้างอิงและส่งผลในระยะยาวให้ราคาข้าวโดยทั่วไปปรับตัวสูงขึ้นมากไปกว่าปัจจุบัน เพราะปริมาณข้าวที่ไทยประมูลจากฟิลิปปินส์ถือว่าน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับปริมาณการส่งออกข้าวโดยรวมของไทยในแต่ละเดือน เพียงแต่ยอมรับว่าอาจจะส่งผลด้านจิตวิทยาในระยะสั้นเท่านั้น
การประมูลข้าวขาว 25% ล่าสุดของฟิลิปปินส์จะทราบผลภายในวันนี้ โดยคาดว่าฟิลิปปินส์จะรับซื้อข้าวจากไทยในจำนวนทั้งหมดที่เสนอประมูลไปคือราว 1.7 แสนตัน ในราคา 1,000 เหรียญ/ตัน บวกลบประมาณ 20-30 เหรียญ จากระดับราคาที่ไทยเสนอไปประมาณตันละ 1,070 เหรียญ
สัปดาห์ที่ผ่านมา ฟิลิปปินส์ได้เปิดประมูลซื้อข้าวขาว 25% จำนวน 5 แสนตัน โดยมีผู้ยื่นซองเสนอราคาทั้งหมด 3 ประเทศ คือ ไทยเสนอราคา(CIF) 1,070 เหรียญ/ตัน, เวียดนามเสนอราคา 1,200 เหรียญ/ตัน และปากีสถานเสนอราคา 870 เหรียญ/ตัน ซึ่งรวมปริมาณข้าวที่ทั้ง 3 ประเทศเสนอขายอยู่ที่ราว 3.3 แสนตัน
*ผู้ส่งออกขาดสภาพคล่อง ชี้ระบบช็อตถึงขั้นเข้าห้อง ICU
นายสมพงษ์ มองว่า สถานการณ์ข้าวในขณะนี้เป็นภาวะที่ผิดปกติ เพราะราคาปรับตัวสูงขึ้นมากถึง 150% จากช่วงปลายปีก่อน ขณะที่การส่งออกให้กับลูกค้าต่างประเทศขณะนี้เป็นออร์เดอร์ที่ขายไว้ล่วงหน้า 2-4 เดือน ผู้ส่งออกจึงขาดทุนจากราคาขายที่เสนอไว้ต่ำกว่าระดับราคาตลาดในปัจจุบัน ทำให้ผู้ส่งออกไม่กล้ารับออร์เดอร์ต่างประเทศในระยะนี้ ประกอบกับไม่มีสภาพคล่องมากพอที่จะลงไปซื้อข้าวในราคาระดับสูงส่งผลต่อเนื่องให้ระบบการค้าข้าวช็อต
"ตอนนี้ช็อตทั้งระบบ ไม่มีใครกล้าขาย หาราคาที่แน่นอนไม่ได้...อยากรู้ว่าผู้ส่งออกรายไหนจะส่งข้าวให้ลูกค้าต่างประเทศได้ ไม่มีใครสต๊อกได้ 100% ปัญหาขาดทุนนี้จะแก้อย่างไร รัฐบาลไม่เคยเข้ามาช่วยเพราะคิดว่าผู้ส่งออกรวย พูดแต่รากหญ้า แต่ไม่คิดว่ากงจักรใหญ่คือผู้ส่งออก ถ้าส่งออกขาดทุนมันจะเจ๊งกันหมด ตอนนี้กล้าพูดได้ว่าผู้ส่งออกอยู่ในขั้น ICU" นายสมพงษ์ ระบุ
นายสมพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลควรยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือผู้ส่งออกข้าว โดยได้เสนอให้กระทรวงพาณิชย์กำหนดเพดานราคาส่งออกข้าวขั้นต่ำ เพื่อชะลอความร้อนแรงของระดับราคาข้าวในประเทศ
*เชื่อกลางปีราคาข้าวอ่อนตัว ชาวนามั่นใจยากเห็นต่ำกว่า 1 หมื่นบาท/ตัน
นายสมพงษ์ คาดว่า จะเริ่มเห็นทิศทางราคาข้าวที่กลับอ่อนตัวลงตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้ เนื่องจากปริมาณผลผลิตข้าวจะเริ่มทยอยออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ผลผลิตข้าวจากทั้งเวียดนาม อินเดีย และปากีสถาน จะเริ่มออกสู่ตลาดในช่วงนี้เช่นกัน
"ราคาจะอ่อนตัวน่าจะเป็นปลายเดือน 6(มิ.ย.) ต้นเดือน 7(ก.ค.) เพราะผลผลิตจะออกมา เวียดนามก็ออกมา ผมมั่นใจว่าราคาน่าจะลงได้ ดังนั้นราคาที่สูงๆ อยู่ตอนนี้มันเป็นช่วงระยะสั้น อย่าไปตกใจ" นายสมพงษ์ กล่าว
ปัจจุบันราคาส่งออกข้าว(F.O.B) เป็นดังนี้ ข้าวหอมมะลิ ตันละ 1,174 เหรียญ, ข้าวขาว 100%(ชั้น 2) ตันละ 894 เหรียญ, ข้าวขาว 25% ตันละ 830 เหรียญ ขณะที่ราคาข้าวในประเทศ ข้าวหอมมะลิ ตันละ 35,500 บาท, ข้าวขาว 100%(ชั้น 2) ตันละ 27,000 บาท และข้าวขาว 25% ตันละ 24,990 บาท
นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย เชื่อว่าเป็นการยากที่จะเห็นราคาข้าวกลับลงไปอยู่ที่ตันละ 7,000-8,000 บาท ดังเช่นปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยที่ประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ทั้งอินเดียและเวียดนามลดปริมาณการส่งออกข้าว ทำให้ประเทศผู้นำเข้าต่างพุ่งเป้าความต้องการมาที่ข้าวไทยเป็นหลัก ประกอบสถานการณ์ภัยธรรมชาติที่ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตข้าวลดลง
เหล่านี้จึงเป็นเหตุผลสนับสนุนให้เชื่อว่ายังจะได้เห็นราคาข้าวในระดับปัจจุบันที่ตันละ 13,000-14,000 บาท ต่อเนื่องไปตลอดทั้งปีนี้ แต่หากราคาข้าวจะเริ่มอ่อนตัวลงก็คงจะไม่ต่ำไปกว่าตันละ 10,000 บาท
"มองอนาคตข้างหน้าแล้ว เห็นว่าราคาข้าวขาวที่จะให้ลงไปอยู่ที่เก่า 7,000-8,000 บาท/ตัน คงเป็นไปไม่ได้แล้ว คิดว่าคงจะไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท/ตัน แน่ จากปัจจุบันอยู่ที่ 13,000-14,000 บาท และคงจะเห็นราคานี้ไปจนถึงปลายปีนี้" นายประสิทธิ์ กล่าวกับ "อินโฟเควสท์"
*เตือนรัฐจัดระบบน้ำรับมือแห่ปลูกข้าว หลังราคาสูงจูงใจ
นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า จากกระแสข่าวเรื่องราคาข้าวที่พุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ในขณะนี้ เชื่อว่าจะเป็นแรงจูงใจทำให้เกษตรกรหันมาปลูกข้าวกันเป็นจำนวนมาก ดังนั้นสิ่งที่สมาคมฯ ต้องการจะฝากถึงรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วน คือ ระบบชลประทานเพื่อการเพาะปลูก เพื่อให้เพียงพอต่อการรองรับการทำนาที่อาจจะมีเพิ่มขึ้นมาก
"ตอนนี้ราคาข้าวดี ชาวนาก็เพิ่มพื้นที่ทำนาทำให้ผลผลิตข้าวเพิ่ม...ดังนั้นกรมชลฯ อย่านิ่งเฉยต้องรีบจัดการวางแผนเรื่องน้ำตั้งแต่เดี๋ยวนี้ แล้วจะไปห้ามไม่ให้ทำนาเพิ่มคงไม่ได้ เพราะว่าชาวนาเป็นหนี้สินมานาน พอเขามีโอกาส จะมาปิดกั้นมันไม่ถูก ต้องหาวิธีการให้เขาลืมตาอ้าปากได้ ใช้หนี้ใช้สินได้" นายกสมาคมชาวนาไทย ระบุ
สำหรับปริมาณผลผลิตข้าวในปีนี้คาดว่าจะมีปริมาณทั้งสิ้น 30-31 ล้านตันข้าวเปลือก โดยข้าวนาปรังที่จะเก็บเกี่ยวสิ้นสุดในเดือนพ.ค.คาดว่าจะมีปริมาณ 6.5-7 ล้านตันข้าวเปลือก รวมกับข้าวนาปีที่จะออกมาตั้งแต่ ก.ค.51-ม.ค.52 อีกประมาณ 20-23 ล้านตันข้าวเปลือก
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า แม้หลายฝ่ายจะเห็นว่าชาวนาโชคดีจากราคาข้าวที่แพงขึ้นแต่ก็ไม่เสมอไปนัก เพราะต้องคำนึงถึงปัจจัยต้นทุนการผลิตและปริมาณผลผลิตต่อไร่ด้วย เนื่องจากราคาปุ๋ยเคมีสูงขึ้นมาถึง 17,000-18,000 บาท/ตัน จากปี 49 ที่ 12,000 บาท/ตัน ขณะที่ปริมาณผลผลิตต่อไร่ลดลงอันเนื่องมาจากปัญหาภัยธรรมชาติ แต่จากระดับราคาข้าวที่ 13,000-14,000 บาท/ตัน ถือว่าชาวนายังพออยู่ได้
--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--