นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 34.79 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าเล็ก น้อยจากเปิดตลาดเมื่อเช้าที่ระดับ 34.77 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 34.72 - 34.83 บาท/ดอลลาร์ ส่วน เรื่องอัตราเงินเฟ้อเดือน พ.ค.ที่ประกาศออกมาต่ำกว่าคาดนั้นไม่ส่งผลต่อค่าเงินบาท
"วันนี้บาทแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ตลาดค่อนข้างเงียบ ปริมาณธุรกรรมเบาบาง คาดนักลงทุนจะรอดูทิศทางดอกเบี้ยของเฟดใน สัปดาห์หน้า เนื่องจากช่วงนี้ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ" นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 34.65 - 34.90 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ 139.35 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 139.50 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ 1.0694 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.0713 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,528.54 จุด ลดลง 2.66 จุด, -0.17% มูลค่าการซื้อขาย 47,223.17 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 965.05 ล้านบาท (SET+MAI)
- กระทรวงพาณิชย์ เผยเงินเฟ้อเดือน พ.ค.66 เพิ่มขึ้น 0.53% ชะลอตัวต่อเนื่องเป็นเดือน 5 และอยู่ในระดับต่ำสุดใน
รอบ 21 เดือน เนื่องจากการลดลงของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง รวมทั้งฐานในเดือน พ.ค.65 อยู่ในระดับที่สูง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป
เฉลี่ย 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.66) เพิ่มขึ้น 2.96%
- สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) คาดภาวะการส่งออกของไทยในเดือน พ.ค.-มิ.ย.ยังคงหดตัวจากช่วง
เดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย ส่งผลให้การส่งออกของไทยในช่วงครึ่งปีแรกหดตัวราว 5-6% แต่ช่วงครึ่งปีหลังยังมองเห็นโอกาสในวิกฤตที่จะ
เร่งขับเคลื่อนการส่งออกให้ขยายตัวมากขึ้น เพื่อให้ภาพรวมการส่งออกทั้งปีอยู่ที่ 0-1%
- ผลสำรวจล่าสุดของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยในวันนี้ (6 มิ.ย.) ว่า ผู้บริโภคในยูโรโซนได้ลดคาดการณ์เงิน
เฟ้อลงในเดือนเม.ย. ซึ่งนับเป็นสัญญาณผ่อนคลายสำหรับผู้กำหนดนโยบาย หลังคาดการณ์เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์เมื่อ
เดือนมี.ค. แม้ว่าเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องก็ตาม
- ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ประธานธนาคารเยอรมนี หรือ บุนเดสแบงก์ (Bundesbank) ได้ตอกย้ำการ
คาดการณ์ว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนมิ.ย.
- หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากเจ้อซาง ซีเคียวริตีส์ (Zheshang Securities) บริษัทหลักทรัพย์ของจีน คาดว่า จะมีการ
ปรับลดอัตราดอกเบี้ยและการปรับลด RRR ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจเข้าสู่วงจรการปรับลดอัตรา
ดอกเบี้ยในไตรมาสที่ 4/2566 ซึ่งทำให้จีนมีโอกาสดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้น