ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 34.82 แกว่งกรอบแคบ ตลาดรอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday June 8, 2023 17:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 34.82 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 34.87 บาท/ดอลลาร์

ช่วงเย็นนี้ เงินบาทปรับแข็งค่าเล็กน้อยจากเช้า แต่ในภาพรวมทิศทางยังอ่อนค่า โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 34.82-34.92 บาท/ดอลลาร์ ยังไม่ผ่านแนวต้านที่ระดับ 35 บาท/ดอลลาร์

ทั้งนี้ ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาส่งผลต่อค่าเงินบาทมากนัก เนื่องจากตลาดไปรอลุ้นข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์หน้า โดย เฉพาะตัวเลขจากฝั่งสหรัฐฯ เช่น อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. และการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ของธนาคารกลาง สหรัฐ (FOMC)

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.70 - 35.00 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 139.81 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 139.95 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0728 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0707 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,559.50 จุด เพิ่มขึ้น 26.29 จุด (+1.71%) มูลค่าการซื้อขาย 59,631 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,748.89 ลบ.(SET+MAI)
  • ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค พ.ค.66 อยู่ที่ระดับ 55.07 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 และสูงสุดในรอบ 39 เดือน
นับตั้งแต่มี.ค.63 ผู้บริโภคมองเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น หลังการท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างชัดเจน ตลอดจนบรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งที่
คึกคัก เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ปรับตัวดีขึ้น
  • ม.หอการค้าไทย ชี้มุมมองของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อสถานการณ์ทางการเมืองของไทยขณะนี้ คือ Wait and See รอดูว่า
ใครจะได้เป็นรัฐบาล นโยบายรัฐบาลจะออกมาอย่างไร ซึ่งเชื่อว่าเมื่อมีรัฐบาล และแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว นักลงทุนจึงจะเริ่มตัดสิน
ใจได้มากขึ้น อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณที่ต่างชาติขาดความมั่นใจ หรือถอนการลงทุนออกจากไทย
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เชื่อหากมีการตั้งรัฐบาลได้เร็วภายในเดือนส.ค. จะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนนโยบายใน
ด้านต่างๆ รวมทั้งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย โดยมีโอกาสที่ GDP จะโตได้ 3.6-4% แต่หากเดือน ก.ย.หรือ ต.ค. ยังไม่สามารถจัดตั้ง
รัฐบาลได้ GDP ปีนี้ก็อาจจะโตได้แค่ 3%
  • สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 1/2566 ขยายตัว
2.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งแข็งแกร่งกว่าการประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่าขยายตัวเพียง 1.6% หลังจากการใช้จ่ายในภาคธุรกิจดีดตัว
ขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ว่าอุปสงค์ภายในประเทศเริ่มฟื้นตัว
  • ธนาคารรายใหญ่ 3 แห่งของรัฐบาลจีน ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสกุลเงินหยวนในวันนี้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว
จะช่วยลดแรงกดดันที่มีต่ออัตรากำไรและลดต้นทุนในการปล่อยเงินกู้ ซึ่งจะช่วยหนุนภาคการเงินและเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง
  • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า

เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.2% ในไตรมาส 2/2566 หลังจากขยายตัว 1.1% ในไตรมาส 1


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ