สำหรับในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน เงินบาทอ่อนค่าลงสอดคล้องกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชียและเงินหยวน สวนทางค่าเงินดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่าขึ้นตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังจากสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินแบบเหนือความคาดหมายของธนาคารกลางออสเตรเลียและธนาคารกลางแคนาดา กระตุ้นให้ตลาดกลับมาประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ อย่างระมัดระวัง เพราะแม้เฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. แต่ก็อาจจะกลับมาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีกครั้งในการประชุมรอบเดือนก.ค.นี้ เช่นกัน
อย่างไรก็ดี เงินบาทล้างช่วงอ่อนค่าลงเกือบทั้งหมดและพลิกแข็งค่ากลับมาในช่วงท้ายสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงเทขาย หลังจากตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด ซึ่งอาจทำให้เฟดคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.00-5.25% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. นี้
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 6-9 มิ.ย. 2566 นั้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 844 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็น Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 2,699 ล้านบาท (แม้จะซื้อสุทธิพันธบัตร 64 ล้านบาท แต่ก็มีตราสารหนี้หมดอายุ 2,763 ล้านบาท)
ในสัปดาห์หน้าปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงิน dot plots และตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ ของธนาคารกลาสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 13-14 มิ.ย. ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) วันที่ 15 มิ.ย. และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) วันที่ 15-16 มิ.ย. สถานการณ์การเมืองไทย และทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและฟิลาเดลเฟีย ดัชนีความเชื่อมั่นและตัวเลขเงินเฟ้อคาดการณ์ในมุมมองของผู้บริโภคเดือนมิ.ย. นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือนพ.ค. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรด้วยเช่นกัน