นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง กำชับให้ทุกฝ่ายประเมินภาพรวมทิศทางโลก รับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อหาแนวทางดำเนินการเชิงรุก รวมทั้งหามาตรการรองรับเพื่อให้แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด และยั่งยืน ทั้งนี้ เชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาล และคาดการณ์ว่าในปี 2566 มีโอกาสตัวเลขส่งออกเป็นบวกอย่างน้อย 1-2% แม้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนจากหลายปัจจัย ซึ่งกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการร่วมกับภาคเอกชน ประเมินและเตรียมแผนรองรับเพื่อรุกตลาดศักยภาพสำคัญ อาทิ ตลาดอาเซียน ตลาดตะวันออกกลาง ตลาดเอเชียใต้ และจีน ตามที่ได้เตรียมกิจกรรมเจาะตลาดเป้าหมาย 350 กิจกรรมใน 7 ภูมิภาค ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้กว่า 550 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 19,250 ล้านบาท นอกจากนี้ยังจะได้ตั้งคณะทำงานเป็นรายกลุ่มคลัสเตอร์ (กลุ่มสินค้า) ร่วมกับภาคเอกชน เพื่อประเมินการส่งออก หามาตรการรองรับ และแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน
นายอนุชา กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจโลกว่ายังอยู่ในภาวะชะลอตัว แม้อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอลงแต่ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมถึงยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยอื่น ๆ เพิ่มเติมอีก อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของตลาดจีนที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งประเด็นปัญหาด้านความมั่นคงทางอาหาร ที่หลายประเทศประสบปัญหาภัยแล้งจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งถือเป็นเป็นสัญญาณบวกต่อการส่งออกไทย โดยเฉพาะสินค้าเกษตรของไทยด้วยเช่นกัน
"นายกรัฐมนตรีรับทราบถึงภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจโลกขอบคุณการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ดำเนินการตามแนวทาง มุ่งมั่นในการทำงาน ประเมินสถานการณ์ กำหนดกิจกรรมที่เป็นผลดีกับประเทศที่สุด โดยปัจจุบันมีสินค้าหลายตัวที่มีราคาลดลง ตัวเลขเงินเฟ้อก็ลดลง และประเทศไทยมีสินค้าที่มีศักยภาพ คุณภาพ ตามมาตรฐานโลก ที่พร้อมรับการสนับสนุนในตลาดโลกเพื่อเพิ่มตัวเลขในระบบเศรษฐกิจไทย" นายอนุชา กล่าว