โพลส.อ.ท.หวั่นส่งออกติดลบต่อเนื่อง 8 เดือน ฉุดภาคการผลิต แนะภาครัฐดูแลต้นทุน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 28, 2023 12:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 30 ในเดือนมิ.ย. 66 ภายใต้หัวข้อ "การส่งออกหดตัว กระทบอุตสาหกรรมแค่ไหน" พบว่า ตัวเลขการส่งออกของไทยที่ส่งสัญญาณ หดตัวต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน โดยมีมูลค่าการส่งออกเดือนพ.ค. 66 ที่ 24,340.9 ล้านดอลลาร์ฯ ติดลบ 4.6% จากช่วงเดียว กันของปีก่อน ขณะที่ 5 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.) มีมูลค่า 116,344.2 ล้านดอลลาร์ฯ ลดลง 5.1%

จากภาวะการส่งออกไทยที่หดตัวต่อเนื่อง ผู้บริหาร ส.อ.ท. ประเมินว่า ภาพรวมการผลิตเพื่อส่งออกสินค้าในช่วงเดือนม. ค.-พ.ค. 66 ส่วนใหญ่มีทิศทางหดตัว ถึงแม้จะมีบางอุตสาหกรรมที่ยังสามารถรักษาระดับการส่งออกไว้ได้ โดยปัจจัยสำคัญมาจากคำสั่งซื้อ สินค้าจากต่างประเทศที่ลดลง จากภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัว โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกา จีน และอาเซียน

นอกจากนี้ ภาวะต้นทุนการผลิตที่ยังอยู่ในระดับสูงทั้งราคาพลังงาน ค่าไฟฟ้า ราคาวัตถุดิบ/ ชิ้นส่วน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ ปรับตัวสูงขึ้น ยังคงส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม

ดังนั้น จึงเสนอให้ภาครัฐเร่งช่วยกระตุ้นการส่งออก และบรรเทาผลกระทบจากการส่งออกที่หดตัว โดยเฉพาะการออก มาตรการดูแลต้นทุนการผลิตให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันได้ เช่น ค่าไฟฟ้า พลังงาน ค่าโลจิสติกส์ การเร่งเจรจาความตกลงการค้า เสรี (FTA) และการส่งเสริมให้มีการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีใน FTA ฉบับเดิมให้มากขึ้น รวมทั้งการเพิ่มการจัดกิจกรรมส่ง เสริมการส่งออกสินค้าไปยังตลาดเป้าหมายใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ เช่น กิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) การจัดงานแสดง สินค้าทั้งในและต่างประเทศ เป็นต้น

สรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 30 ดังนี้

1. ยอดการส่งออกสินค้าในช่วงเดือนม.ค.-พ.ค. 66 มีทิศทางอย่างไร

          อันดับที่ 1 : ทรงตัว                                            27.7%
          อันดับที่ 2 : ลดลงมากกว่า 20%                                   23.3%
          อันดับที่ 3 : ลดลง 1-10%                                       19.0%
          อันดับที่ 4 : ลดลง 11-20%                                     13.8%
          อันดับที่ 5 : เพิ่มขึ้น 1 - 10%                                   12.4%
          อันดับที่ 6 : เพิ่มขึ้น 11 - 20%                                   3.3%
          อันดับที่ 7 : เพิ่มขึ้นมากกว่า 20%                                  0.5%

2. ตลาดประเทศคู่ค้าที่อุตสาหกรรมส่งออกสินค้ามากที่สุด

          อันดับที่ 1 : เอเชีย (ไม่รวมอาเซียน)                              36.2%
          อันดับที่ 2 : อาเซียน                                           27.6%
          อันดับที่ 3 : สหภาพยุโรป                                        12.4%
          อันดับที่ 4 : สหรัฐอเมริกา                                       11.4%
          อันดับที่ 5 : ประเทศอื่นๆ                                         7.6%
          อันดับที่ 6 : ตะวันออกกลาง                                       4.3%
          อันดับที่ 7 : ละตินอเมริกา                                        0.5%

3. ปัจจัยภายในเรื่องใดที่ทำให้การส่งออกสินค้าของอุตสาหกรรมหดตัว (Multiple choices)

          อันดับที่ 1 : ภาวะต้นทุนการผลิตที่ยังอยู่ในระดับสูงทั้งราคาพลังงาน          69.5%

ค่าไฟฟ้า ราคาวัตถุดิบ/ชิ้นส่วน และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้

          อันดับที่ 2 : การแข่งขันระหว่างธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น                       49.0%
          อันดับที่ 3 : ภาวะอุปทานล้นตลาด (Over Supply) และ                37.1%

สินค้าคงคลังยังอยู่ในระดับสูงทำให้หลายโรงงานต้องลดการผลิตลง

อันดับที่ 4 : ต้นทุนค่าขนส่งโลจิสติกส์ภายในประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูง 31.0%

4. ปัจจัยภายนอกเรื่องใดบ้างที่ทำให้การส่งออกสินค้าของอุตสาหกรรมหดตัว (Multiple choices)

          อันดับที่ 1 : คำสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศลดลงจากภาวะเศรษฐกิจ         71.4%

ของประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัว

          อันดับที่ 2 : สินค้าจีนทะลักเข้ามาตีตลาดในประเทศคู่ค้า เช่น              30.5%

กลุ่มประเทศอาเซียน

อันดับที่ 3 : ปัญหาวัตถุดิบ/ ชิ้นส่วน อุปกรณ์ที่ยังขาดแคลนและราคาแพง 29.5%

อันดับที่ 4 : คำสั่งซื้อจากต่างประเทศปรับตัวลดลงตามฤดูกาล (Seasonal 28.1%

5. ภาคอุตสาหกรรมต้องการให้ภาครัฐดำเนินการในเรื่องใด เพื่อช่วยกระตุ้นการส่งออก และบรรเทาผลกระทบจากการส่ง ออกที่หดตัว (Multiple choices)

อันดับที่ 1 : ออกมาตรการดูแลต้นทุนการผลิตให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันได้ 80.0%

เช่น ค่าไฟฟ้า พลังงาน ค่าโลจิสติกส์

อันดับที่ 2 : เร่งเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) และส่งเสริมให้มีการใช้ 52.4%

สิทธิประโยชน์ทางภาษีใน FTA ฉบับเดิมให้มากขึ้น

          อันดับที่ 3 : เพิ่มการจัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกสินค้า                 41.9%

ไปยังตลาดเป้าหมายใหม่ๆ เช่น การจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching)

การจัดงานแสดงสินค้าทั้งในและต่างประเทศ

          อันดับที่ 4 : เร่งดำเนินการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้า        40.0%

กับประเทศคู่ค้า และส่งเสริมเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการไทยในการปฏิบัติตามมาตรการที่มิใช่ภาษี (NTB)  


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ