สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพ.ค.66 อยู่ที่ระดับ 94.8 หดตัว 3.14% เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค.65 แต่เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ขยายตัว 14.23%
ขณะที่ดัชนี MPI ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.) หดตัวเฉลี่ย 4.49%
ด้านอัตราการใช้กำลังการผลิต (CapU) ในเดือนพ.ค.66 อยู่ที่ 60.2% และในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ เฉลี่ยอยู่ที่ 61.04%
ปัจจัยที่ทำให้ดัชนี MPI เดือนพ.ค.หดตัว มาจากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวได้ 1.54% และหากพิจารณาเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการผลิตยังคงทรงตัว โดยขยายตัวเพียงเล็กน้อยที่ 0.003%, รายได้เกษตรกรหดตัว 8.97% เป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 15 เดือน สะท้อนกำลังซื้อจากภาคเกษตรที่ยังคงเปราะบาง แต่ต้องติดตามปรากฎการณ์เอลนีโญ ที่จะส่งผลให้ปริมาณฝนของไทยมีแนวโน้มจะต่ำกว่าปกติ และส่งผลต่อวัตถุดิบในอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร
"ดัชนีฯ หดตัวลดลงตามภาวะการส่งออก แต่หากลงไปดูรายละเอียดจะเห็นว่าภาคการผลิตทรงตัวและขยับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนที่ได้รับผลกระทบมากคือภาคเกษตรจากภาวะเอลนีโญ" นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการ สศอ.กล่าว
- ยานยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 17.54% จากรถปิคอัพ รถยนต์นั่งขนาดเล็กและขนาดกลางเป็นหลัก ตามการขยายตัวของตลาดส่งออก
- เครื่องจักรอื่นๆ ที่ใช้งานทั่วไป (เครื่องปรับอากาศ) ขยายตัวเพิ่มขึ้น 12.57% เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัดต่อเนื่องทั้งในประเทศและประเทศคู่ค้า ส่งผลให้มีความต้องการใช้สินค้ามากขึ้น
- น้ำตาล ขยายตัวเพิ่มขึ้น 31.14% จากผลิตภัณฑ์น้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์เป็นหลัก เนื่องจากมีการทยอยปิดหีบตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สามารถละลายน้ำตาลทรายดิบได้เร็วขึ้น ประกอบกับผลผลิตน้ำตาลปีนี้มากกว่าปีก่อน
- จักรยานยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 22.11% เนื่องจากการขยายตัวของตลาดในประเทศและตลาดส่งออก โดยตลาดในประเทศได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจในประเทศที่ขยายตัวตามอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการส่งออกเพิ่มขึ้นตามคำสั่งของประเทศคู่ค้า
- พลาสติกและยางสังเคราะห์ขั้นต้น ขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.98% จากผลิตภัณฑ์ Polyethylene resin, Ethylene และ Polypropylene resin เป็นหลัก เนื่องจากในปีก่อนมีการหยุดซ่อมบำรุงของผู้ผลิตบางราย และมีการขยายกำลังการผลิตของผู้ผลิตบางรายในปีนี้
- เหล็กและเหล็กกล้า หดตัว -26.72% เนื่องจากผู้บริโภคชะลอคำสั่งซื้อเพื่อดูแนวโน้มทิศทางราคา ขณะที่ผู้ผลิตระบายสินค้าคงคลังจากความไม่มั่นใจสถานการณ์ตลาด
- HDD หดตัว -27.72% ผลิตน้อยลงเพราะมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่มาทดแทน แต่ราคาแพงขึ้นตามปริมาณความจุ
- เครื่องนุ่งห่ม หดตัว -31.55% จากคำสั่งซื้อที่ลดลงเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เกิดภาวะสต๊อกล้นของผู้นำเข้า และปัญหาเงินเฟ้อ แต่หากลงไปดูในรายละเอียด การผลิตด้ายและผ้าคุณสมบัติพิเศษยังมีการส่งออกมากสุดในอาเซียน
- ผลิตภัณฑ์ยาง หดตัว -11.12% จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดทำให้มีน้ำยางน้อยกว่าปกติ และการชะลอคำสั่งซื้อจากประเทศผู้นำเข้า
"หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่นแล้ว ดัชนีฯ ก็มีทิศทางลดลงเช่นกัน แม้แต่ประเทศมาเลเซียที่ขยายตัวต่อเนื่องยังเริ่มชะลอตัวลงเช่นกัน" นางวรวรรณ กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากภาพรวมการนำเข้าแม้จะปรับตัวลดลง แต่การนำเข้าสินค้าทุนยังมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อการส่งออกในอนาคต
สำหรับในเดือน มิ.ย. สศอ.ได้คาดการณ์ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม "ส่งสัญญาณเฝ้าระวัง" โดยมีปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวจากการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน รวมถึงเศรษฐกิจของคู่ค้าหลักอย่างประเทศจีนและญี่ปุ่นมีแนวโน้มการฟื้นตัว ขณะที่การส่งออกที่หดตัวเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน ประกอบกับความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและงบประมาณปี 2567 อีกทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีโอกาสรุนแรงขึ้น ยังคงเป็นปัจจัยลบต่อเศรษฐกิจไทย ทั้งนี้ ต้องติดตามปรากฏการณ์เอลนีโญที่จะส่งผลทำให้ปริมาณฝนของประเทศไทยมีแนวโน้มจะต่ำกว่าค่าปกติ และมีผลต่อวัตถุดิบในอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร
นางวรวรรณ กล่าวว่า ประเด็นที่น่าติดตามในช่วงนี้ คือ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งได้รับโอกาสจากวิกฤติโควิด-19 แม้ภาพรวมของการผลิตและการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มจะซบเซา แต่อุตสาหกรรมสิ่งทอชนิดพิเศษกลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ซึ่งมองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ผู้ประกอบการจะปรับเปลี่ยนการดำเนินงาน โดยเจาะกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าสูงและมีโอกาสเติบโต เพื่อผลักดันให้ "ผ้าคุณสมบัติพิเศษ" ที่เป็นด้าย หรือผ้าที่มีคุณสมบัติกันน้ำ ทนไฟ และกรองเชื้อโรค เป็น "Product Champion" สามารถต่อยอดเป็นวัสดุและชิ้นส่วนประกอบที่สำคัญในอุปกรณ์ทางการแพทย์และสุขภาพอื่น ๆ ช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้า เน้นการใช้วัตถุดิบหรือสินค้าที่ผลิตในประเทศ และส่งเสริมนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรม New S-Curve ทางด้าน Medical Technology ของประเทศไทย โดยมุ่งเน้นและผลักดันการผลิตสิ่งทอเทคนิคที่มีคุณสมบัติพิเศษตลอด Supply Chain เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มศักยภาพในการส่งออกให้กับอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่มห่มไทย