น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับเบิกจ่ายโครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์ม เพื่อบริหารจัดการและควบคุมสต็อกน้ำมันปาล์ม งวดที่ 3 และงวดสุดท้าย จำนวนเงินรวม 107.24 ล้านบาท และให้ดำเนินการเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาต่อไป
สำหรับโครงการติดตั้งเครื่องมือวัดปริมาณน้ำมันปาล์มฯ เคยได้รับอนุมัติจาก ครม. เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 63 และ 14 ก.ค. 63 ให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน เป็นผู้ดำเนินโครงการภายในกรอบงบประมาณ 372.52 ล้านบาท เพื่อให้สามารถนำข้อมูลปริมาณน้ำมันปาล์มดิบไปใช้ในการกำกับดูแล และบริหารจัดการสต็อกน้ำมันปาล์มดิบได้รวดเร็ว ทันสถานการณ์ สามารถรักษาสมดุลและพยุงราคาผลปาล์มน้ำมันภายในประเทศให้มีเสถียรภาพมากขึ้น
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการขอรับจัดสรรงบจากสำนักงบประมาณ เพื่อจ่ายค่าจ้างตามสัญญาจ้างแก่ผู้รับจ้างตามงวดงานแล้ว 2 งวด แต่ยังเหลืองวดที่ 3 จำนวน 69.71 ล้านบาท และงวดสุดท้าย 37.53 ล้านบาท รวม 107.24 ล้านบาท ซึ่งไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ทัน ทำให้วงเงินที่เคยได้รับอนุมัติไว้ถูกพับไปโดยกฎหมาย ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จึงมีความจำเป็นต้องขอรับจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยงบประมาณดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 169 (3) บัญญัติให้ ครม.ที่พ้นจากตำแหน่ง ต้องไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจาก กกต.ก่อน ประกอบกับ ครม. เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 66 ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติและขั้นตอนการดำเนินงานตามมาตรา 169 (3) ของรัฐธรรมนูญว่า "การอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จะต้องทำเท่าที่จำเป็นและต้องได้รับความเห็นชอบจาก กกต. ก่อน โดยการดำเนินการดังกล่าวจะทำได้เฉพาะที่เกี่ยวกับการปฏิบัติภารกิจของส่วนราชการที่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณนอกเหนือจากที่ได้รับการจัดสรร หรือที่ได้รับการจัดสรรไปแล้ว แต่ไม่เพียงพอและมีความจำเป็นเร่งด่วน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการขอความเห็นชอบจาก ครม. ก่อนแล้วจึงเสนอให้ กกต. พิจารณาให้ความเห็นต่อไป"
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในเรื่องนี้กระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า หากไม่มีเงินรองรับการเบิกจ่ายงวดงานตามสัญญาจ้าง อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการได้ ดังนั้น ภายหลังได้รับอนุมัติจาก ครม.แล้ว จึงให้ดำเนินการตามมาตรา 169 (3) และเมื่อ กกต. ให้ความเห็นชอบแล้ว สำนักงบประมาณจึงจะจัดสรรงบประมาณตามโครงการการต่อไป