น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ได้เห็นชอบตามที่ ครม.ได้อนุมัติในหลักการ ให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินทั้งสิ้น 200.6 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับชดเชยการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน ในการชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนแบบสามัญและเฉพาะเจาะจง ของกลุ่มธนาคารโลก ปี 2561
สำหรับการพิจารณาของ กกต.นี้ สืบเนื่องจากที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 66 ได้อนุมัติหลักการให้ สศค. ใช้จ่ายงบกลางเพื่อวัตถุประสงค์และวงเงินข้างต้น และต้องดำเนินการเพื่อให้ได้รับความเห็นชอบจาก กกต. ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตรา 169(3) จึงจะสามารถใช้จ่ายงบประมาณได้
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การดำเนินการซื้อหุ้นเพิ่มทุน ในกลุ่มธนาคารโลกของประเทศไทย เป็นไปตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 61 ที่ได้เห็นชอบให้กระทรวงการคลัง ซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบสามัญและแบบเฉพาะเจาะจง ของธนาคารในกลุ่มธนาคารโลก 2 แห่ง (จากทั้งหมด 5 แห่ง) ได้แก่ 1.ธนาคารระหว่างประเทศเพื่อการบูรรณะและวิวัฒนาการ (International Bank for Reconstruction :IBRD) และ 2.บรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (International Finance Corporation :IFC) รวมวงเงิน 78 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2,652 ล้านบาท
ซึ่งผลการเพิ่มทุนดังกล่าว จะส่งผลให้ประเทศไทยมีอำนาจการออกเสียงใน IBRD เพิ่มเป็น 0.5% จากเดิม 0.49% และใน IFC เพิ่มเป็น 0.52% จากเดิม 0.46%
โดยระหว่างปีงบประมาณ 63-65 กระทรวงการคลังได้ดำเนินการชำระค่าหุ้นเพิ่มทุนของ IBRD และ IFC มาแล้ว 3 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 54.64 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมียอดคงเหลือที่ต้องชำระในปีงบประมาณ 66 เป็นงวดสุดท้าย จำนวน 23.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ณ วันที่ชำระค่าหุ้นจริงในปีงบประมาณ 63-65 เงินบาทได้อ่อนค่ามากกว่าที่สำนักงบประมาณได้ประมาณการไว้ ทำให้เกิดการชำระค่าหุ้นน้อยกว่าแผน
"ดังนั้นในปีงบประมาณ 66 จึงคาดว่าตามงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไว้ กระทรวงการคลัง จะชำระเงินค่าหุ้นได้ 17.33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ยังขาดอีก 6.02 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 200.6 ล้านบาท กระทรวงการคลัง จึงจำเป็นต้องขอรับการจัดสรรเงินงบประมาณเพิ่มเติม ตามวงเงินตามที่ได้รับอนุมัติในครั้งนี้" น.ส.ไตรศุลี กล่าว