นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท. ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และ ส.อ.ท. เห็นพ้องร่วมกันว่า อย่างช้าที่สุดในเดือนส.ค. 66 ควรต้องมีรัฐบาล และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ เนื่องจากการเว้นว่างนานเกินไป ทำให้เสียโอกาส
ทั้งนี้ จากภาพของเศรษฐกิจโลก ทำให้เห็นว่าไทยจะพึ่งพาภาคการส่งออกมากไม่ได้ ซึ่งไทยพึ่งพามากกว่า 60% แต่ขณะนี้หลายอุตสาหกรรมยอดคำสั่งซื้อลดลง ต้องลดอัตราการผลิต เพื่อคงสภาพการผลิต และรักษาการจ้างงาน ทั้งนี้ คาดหวังว่าจะสามารถหาตลาดใหม่มาทดแทน และในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 66 คาดว่าตัวเลขการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศจะมีมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ต้องการให้เครื่องจักรทางเศรษฐกิจกลับมา คือ การลงทุน ซึ่งช่วงนี้การลงทุนชะลอ เนื่องจากนักลงทุนทั้งคนไทยและต่างชาติรอดูความชัดเจนของนโยบายรัฐบาลใหม่ ซึ่งนักลงทุนมีระยะเวลาที่สามารถรอได้ไม่นาน เนื่องจากแผนการลงทุนถูกวางไว้แล้ว ซึ่งหากชะลอประมาณ 1-2 เดือน อาจไม่เป็นปัญหา แต่ถ้านานกว่านั้น นักลงทุนไทยอาจชะลอไปก่อนได้ แต่นักลงทุนต่างชาติอาจตัดสินใจย้ายไปลงทุนประเทศอื่น
"จำนวนนักท่องเที่ยว 30 ล้านคน เป็นไปได้สูง แต่ถ้ายังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ลากยาว หรือเกิดภาพการประท้วง ก็อาจทำให้บรรยากาศการเดินทางเสียไปได้ และในช่วงปลายปี เป็นช่วงไฮซีซันที่สำคัญมาก ท่องเที่ยวสำคัญมาก เป็นตัวเคลื่อนจีดีพีในปีนี้ แม้การส่งออกติดลบก็ตาม และอีกส่วนสำคัญ คือรัฐบาลตัวจริงที่จะมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่างๆ ที่ยังค้าง และการจัดสรรงบประมาณ ถ้ายิ่งล่าช้าเงินจะขาดมือ และสภาพคล่องหาย ส่งผลให้หนี้ครัวเรือนพุ่งมากกว่านี้ได้ อาจถึง 91-92% ได้" นายเกรียงไกร กล่าว
ในส่วนของการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานฯ เมื่อวานนี้ (4 ก.ค.) ค่อนข้างผ่านไปได้ด้วยดี ถือเป็นบรรยากาศที่คลี่คลายในระดับหนึ่ง ถ้าสัปดาห์ถัดๆ ไปมีการเปิดสภาฯ และเลือกนายกรัฐมนตรีได้เร็ว อาจได้รัฐบาลเร็วกว่าสิ้นเดือนส.ค. 66 ซึ่งก็จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่น และทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้
ด้าน นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย แสดงความหวังว่า การจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นไปอย่างราบรื่น และสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีประเด็นเรื่องการเร่งจัดทำงบประมาณ กระตุ้นการใช้จ่าย และการลงทุนของภาครัฐ โดยภาพใหญ่ คือ Government Spending และส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว ในส่วนของนโยบายเชื่อว่าพรรคร่วมจะมีการพูดคุยกันอีกครั้ง